ไล่ล่าข้าม 6 อำเภอ หนุ่มเติมน้ำมันไม่จ่ายขับรถหนี
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 14 กรกฎาคม 2568 เวลา 2.35 น. • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทนครศรีธรรมราช 13 ก.ค. – หนุ่มเติมน้ำมันไม่จ่ายขับรถหนีข้าม 6 อำเภอ ไกลนับร้อยกิโลเมตร ตำรวจต้องขับไล่ตามนาน 2-3 ชั่วโมง ก่อนจนมุม คนขับอ้างกลัวถูกจับไม่มีใบขับขี่
ตำรวจ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ ในหลายพื้นที่ สภ.นาบอน สภ.ทุ่งสง สภ.ร่อนพิบูลย์ สภ.พระพรหม และสภ.พรหมคีรี ทำการ สกัดจับรถบรรทุก 4 ล้อ สีขาวตู้ทึบ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขณะวิ่งอยู่ในพื้นที่ถนนพรหมคีรี-นครศรีธรรมราช ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
หลังก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเช้า รถคันนี้ได้เข้าไปเต็มน้ำมัน ในพื้นที่ ตำบลแก้วแสน อำเภอนาบอน แต่เมื่อเติมน้ำมันเสร็จ กลับเร่งเครื่องขับรถออกจากปั๊มไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้จ่ายเงิน ซึ่งเจ้าของปั๊มได้แจ้งให้ตำรวจในพื้นที่ช่วยสกัดจับ
หลังรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ จาก สภ.ต่างๆ รวมทั้ง 6 อำเภอ ได้วิทยุขอกำลังออกไล่ล่า อย่างต่อเนื่อง โดยมีการไล่ล่ามาตั้งแต่ อ.นาบอน พื้นที่เกิดเหตุ ผ่าน อ.ทุ่งสง, อ.ร่อนพิบูลย์, อ.พระพรหม, อ.เมือง และ อ.พรหมคีรี แต่รถคันดังกล่าว ก็ยังขับหลบหนีด้วยความเร็วมาได้ เป็นระยะทาง กว่า 100 กิโลเมตร กระทั่งเจ้าหน้าที่ ตามมาทันบริเวณถนนพรหมคีรี และได้ยิงล้อซ้ายจนยางระเบิด เพื่อสกัดการหลบหนี ทำให้รถบรรทุกคันดังกล่าวไม่สามารถขับต่อไปได้ เหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาไล่ล่านาน 2-3 ชั่วโมง สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ขับผ่านบริเวณดังกล่าว
จากการตรวจค้นภายในรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย สอบปากคำ เบื้องต้น นายพรรษา อายุ 22 ปี คนขับ ซึ่งอยู่ในสภาพเหมือนคนเมายา ยังให้การวกไปวนมา บอกว่า บ้านอยู่ อ.พระพรหม บางทีก็บอกว่าอยู่ แพรกษา จ.สมุทรปราการ และบอกว่าขับรถมาจาก กรุงเทพมหานคร เพื่อไปหาเพื่อนที่อำเภอพระพรหม โดยไม่ได้เสพยาเสพติด แต่เสพแค่กัญชาทุกวัน และเมื่อถามว่าได้เติมน้ำมันรถมาที่ อ.นาบอน แล้วทำไมไม่จ่ายเงิน เจ้าตัวกลับตอบว่าจำไม่ได้ ส่วนสาเหตุที่หนีตำรวจมาต่อเนื่อง เพราะกลัวตำรวจจับ เนื่องจากไม่มีใบขับขี่ จึงต้องขับรถหนี
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมนายพรรษา มาสอบปากคำเพิ่มเติม ที่ สภ.นครศรีธรรมราช และจะได้ส่งตัวไปตรวจปัสสาวะ เพื่อหาสารเสพติด ก่อนแจ้งดำเนินคดีในหลายข้อหา เช่น ขับรถโดยประมาทหวาดเสียว อันอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่น ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และขับรถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่.-สำนักข่าวไทย