คืบคดีวัดม่วง เงิน-ทองล่องหน 22 ล้านบาท ส่อหายทิพย์ พบพิรุธเคยเทขายทอง
คืบหน้าคดีวัดม่วง เงิน 10 ล้าน-ทองคำ 250 บาท ส่อหายทิพย์ พบพิรุธหลายจุด ทองไม่ตรงกับจำนวนที่หาย-ก่อนหน้านี้มีการซื้อขายทอง
จากกรณีเงินสด 10 ล้าน และทองคำหนัก 250 บาท รวมมูลค่าทรัพย์กว่า 22 ล้านบาท ของพระราชวัชรพัฒนาทร เจ้าอาวาสวัดม่วง ย่านบางแค หายไปจากกุฏิอย่างปริศนา ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุด วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เพจ บิ๊กเกรียน ได้โพสต์เกี่ยวกับคดีนี้ระบุว่า “สายลับ บิ๊กเกรียน พบว่า วัดม่วง บางแค ทอง300บาท ส่อหายทิพย์ #ตำรวจพบเจ้าอาวาสเทขาย” และ “บิ๊กเกรียน แว่ว ๆ ข่าว เจ้าอาวาสแจ้งความเท็จ มีเงินเกินตัว ส่วนทอง เจอหลักฐานเอาไปขายเอง #เสียดายตำรวจไม่บอกว่าวัดไหน”
ขณะที่ รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทางช่อง 3 รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ ระบุว่า กรณีทองคำวัดม่วงหาย 250 บาท ก่อนหน้านี้เคยหาย 50 บาท แต่เจ้าอาวาสไม่ได้ไปแจ้งความ จึงรวมน้ำหนักทองทั้งหมด 300 บาท โดยพบข้อมูลพิรุธหลายจุด ทั้งจำนวนทองที่ทางเจ้าอาวาสมอบหมายให้ไวยาวัจกรเข้าแจ้งความว่าหายไปนั้น ไม่ตรงกับจำนวนทองที่หายไปจริง ๆ แต่จำนวนทองที่หายไปจริง ๆ เท่าไหร่ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และจากการตรวจสอบยังพบด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีการนำทองคำไปขายต่อที่ร้านทอง แต่ไม่ได้ระบุจำนวนว่าขายไปเท่าไหร่
อีกทั้งยังมีประเด็นที่ทางไวยาวัจกรได้รับการมอบหมายจากเจ้าอาวาสวัดม่วงให้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ว่าทองและเงินหาย พบว่าเป็นเพียงการลงบันทึกประจำวันเท่านั้น ซึ่งถือว่าผิดวิสัย เพราะตามปกติหากเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงหายไป จะต้องแจ้งความร้องทุกข์เพื่อติดตามทรัพย์สินคืน ไม่ใช่เพียงแค่ลงบันทึกประจำวัน
ขณะที่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เรื่องนี้ค่อนข้างอลเวง ล่าสุดได้รับรายงานว่า เจ้าอาวาสหลง ๆ ลืม ๆ แต่เริ่มจำได้บ้างแล้ว มีการอ้างว่าเจอทองบางส่วน อย่างไรก็ตาม เจ้าอาวาสมีหลายบัญชีที่ยังไม่ชัดเจน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบทุกบัญชี ทุกรายได้ที่เข้ามาในวัด ตลอดจนเส้นเงินทองที่ไหลเข้ามาว่ามาจากไหน อย่างไร ซึ่งจากพยานหลักฐานต่าง ๆ เบื้องต้นสันนิษฐานได้ว่า เงินที่นำไปซื้อทองคำแท่งนั้น อาจจะไม่ใช่เงินของเจ้าอาวาส
เมื่อถามว่าเจ้าอาวาสเข้าข่ายแจ้งความเท็จหรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ตอบว่า น่าจะโดน แต่เรื่องเงินและรายได้ของวัดที่เข้ามาหลายช่องทางนั้น ทุกเรื่องอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ถ้าชัดเจนก็จะบังคับใช้กฎหมายแน่นอน