ฝนซา! กรมชลประทาน เร่งระบายน้ำ เตรียมรับฝนใหม่สัปดาห์หน้า
ฝนซา! กรมชลประทาน เร่งระบายน้ำ ควบคู่จัดการน้ำด้านบน ลดผลกระทบด้านท้าย เตรียมรับฝนใหม่สัปดาห์หน้า
วันนี้ (4 ส.ค.) ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) อาคาร 99ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตาม และวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ
โดยมี นายฐนันดร์ สุทธิพิศาล รองอธิบดีกรมชลฯ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตลอดจนสำนักงานชลประทานที่ 1 -17 และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
เพื่อติดตาม และวิเคราะห์แนวโน้มสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 50,275 ล้าน ลบ.ม. (66% ของความจุอ่างเก็บน้ำรวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 26,228 ล้าน ลบ.ม.
เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 17,049 ล้าน ลบ.ม. (69% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้รวมกันอีก 7,822 ล้าน ลบ.ม.
เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีปริมาณน้ำ จากฝนที่ตกไหลลงอ่างฯอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% ของความจุ สามารถรับน้ำได้อีกประมาณ 1,511 ล้าน ลบ.ม.
กรมชลฯ จึงได้ร่วมบูรณาการกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พิจารณาปรับเพิ่มการระบายน้ำในอัตรา 45-50 ล้าน ลบ.ม./วัน ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้าย เพราะปริมาณฝนในขณะนี้เริ่มลดลง ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำยม และแม่น้ำน่านด้านท้ายเขื่อนสิริกิติ์ลดลง และสามารถระบายได้ดี
โดยจะเริ่มปรับการระบายน้ำตั้งแต่วันที่ 4-10 สิงหาคมนี้ เพื่อรักษาระดับน้ำในอ่างฯ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด และเพิ่มช่องว่างในการรองรับน้ำจากฝนที่ตกเพิ่มในช่วงสัปดาห์หน้า
สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่สถานีวัดระดับน้ำ C2 จังหวัดนครสวรรค์ ปริมาณน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง กรมได้ปรับลดการรับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อรักษาระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
ช่วยลดผลกระทบต่อกระชังปลาในลำน้ำสะแกกรัง และยกระดับน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรเหนือเขื่อนที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว พร้อมควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนให้อยู่ในเกณฑ์ต่ำสุด โดยจะพิจารณาปรับแผนการระบายน้ำ ให้สอดคล้องกับปริมาณฝน และปริมาณน้ำทางตอนบน เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ ได้กำชับไปยังโครงการชลประทานทุกพื้นที่ ให้เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์
รวมทั้งพิจารณาปรับการระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อท้ายเขื่อน ตามข้อสั่งการของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เพื่อรองรับปริมาณฝนที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 5-7 สิงหาคม และ 11-18 สิงหาคมนี้ ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา
ที่สำคัญให้ปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 อย่างเคร่งครัด รวมทั้งหมั่นตรวจสอบอาคารชลศาสตร์ และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง
ตลอดจนกำหนดพื้นที่เสี่ยง และมอบหมายเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องจักรเครื่องมือประจำจุดเสี่ยง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที สามารถลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 'กรมชลฯ ' เดินหน้ารับมือ 'ฝน' บริหารพื้นที่รองรับน้ำ-เก็บกักใช้ฤดูแล้ง
- ฝนเพิ่มขึ้น 'กรมชลฯ' พร้อมตั้งรับปรับแผนบริหารจัดการน้ำ
- ‘กรมชลฯ’ เกาะติดฝนตกหนักทางตอนบน สั่งการชลประทานทุกแห่งรับมือน้ำหลาก
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X:https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube:https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg