มาริษเผยส่งหนังสือประท้วง ‘อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น’ ครบ ย้ำยึดความสำคัญอำนาจอธิปไตย
มาริษเผยส่งหนังสือประท้วง ‘อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น’ ครบ ย้ำยึดความสำคัญอำนาจอธิปไตย
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเจรจาในกรอบของอาเซียนว่าด้วยการคลี่คลายปัญหาชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ในขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลได้มีประท้วงในหลายๆ กรอบตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอนุสัญญาออตโตวา อนุสัญญาเจนีวา กฎหมายระหว่างประเทศ การใช้ทุ่นระเบิด การโจมตีพื้นที่ที่เป็นของประชาชน ซึ่งตนก็ได้เดินไปที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติที่นิวยอร์กและแถลงในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และหารือทวิภาคีกับผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติและนานาประเทศในเรื่องที่ไทยดำเนินการแก้ไขด้วยสันติวิถี และใช้ความพยายามอดทนอดกลั้น พร้อมกับยึดถือหลักอำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ตลอดจนความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ขณะเดียวกัน ก็ให้ความสำคัญกับกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรของสหประชาชาติ กฎบัตรของอาเซียน ความอดทน ความเป็นครอบครัวอาเซียนระหว่างทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยและกัมพูชา ซึ่งก็พยายามที่จะใช้ความอดทนอดกลั้น ไม่ทำให้สถานการณ์มันปานปลายออกไป อย่างไรก็ตาม ไทยถูกละเมิดอำนาจอธิปไตย ซึ่งไทยใช้สิทธิป้องกันตนเองที่จำเป็นจะต้องตอบโต้ในสิ่งที่ไทยถูกละเมิดมาโดยตลอด
ภาพพจน์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศนั้นดี ทุกประเทศชื่นชมและตระหนักในบทบาทของประเทศไทยที่ต้องการจะแก้ปัญหาโดยสันติวิธี โดยไทยได้เริ่มผลักดันในเรื่องของการเจรจาทวิภาคีภายใต้กลไกที่มีอยู่โดยตลอด ได้แก่คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) แต่ก็ไม่เป็นผล ดังนั้นภาพของประเทศในระหว่างที่เยือนสหประชาชาติมีภาพพจน์ที่ดี หลายประเทศชื่นชม โดยได้พบกับเลขาธิการสหประชาชาติและประธานของ UNSC ซึ่งก็ต่างสนับสนุนแนวทางแก้ไขปัญหาของไทยผ่านกลไกการหารือทวิภาคีโดยสันติวิธีอย่างจริงใจ โดยในท้ายที่สุดแล้วหลังจากที่กัมพูชาพยายามเอาเรื่องเข้า UNSC ก็ไม่ได้รับการตอบรับมีเพียงแค่การพิจารณาและให้อ่านถ้อยแถลงโต้แย้งเท่านั้น
เนื่องจากภาพพจน์ความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจของนานาประเทศที่ให้กับไทยทำให้ไทยได้รับในสิ่งที่เราต้องการ ซึ่งก็คือความเป็นประเทศที่รักสงบแต่ไม่ยินยอมให้มีการละเมิดอำนาจอธิปไตย ซึ่งเป็นการกระทำมากกว่าคำพูด ไทยได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก
การเจรจาเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ไทยยึดถือสิ่งเหล่านี้เป็นหลักและในขณะเดียวกัน ในการเจรจาทุกๆ เรื่อง ไทยได้หารือโดยตรงกับกองทัพมาโดยตลอดเพื่อพิจารณาว่าส่วนใดรับได้แค่ไหน การบรรลุการหยุดยิงถือว่าเป็นความพยายามของไทยที่ไม่ต้องการให้มีการสูญเสียและนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และรักษาการนายกรัฐมนตรีภูมิธรรม เวชยชัย ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะแก้ไขโดยสันติวิธีเพื่อรักษาไม่ให้เกิดการสูญเสียมากไปกว่านี้ รวมทั้งการปกป้องอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพดินแดนอย่างเต็มที่ ดังนั้นผลของการประชุมดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งไทยสามารถลดระดับความตึงเครียด หยุดการกระทบกระทั่งและเข้าสู่ขั้นตอนในการเจรจา
ผลที่ตนคิดว่ามีความสำคัญมากคือสามารถดึงให้ประเทศอาเซียน ตั้งแต่ประธานอาเซียน รวมทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนและสหรัฐกับจีน ให้เห็นความสำคัญและทำให้กัมพูชายืนยันว่าไทยสามารถดึงกัมพูชากลับมาสู่โต๊ะเจรจาได้โดยใช้กลไกที่มีอยู่ทั้งสามกลไก ซึ่งจะมีการพูดคุยระหว่างแม่ทัพภาคที่ 1 และ 2 ของไทยกับแม่ทัพภาคที่ 4 และ 5 ของกัมพูชา ที่เป็นการพูดคุยในลักษณะไม่เป็นทางการ เพื่อหาทางไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันต่อไป
นโยบายที่เราพยายามคือการเจรจาทวิภาคี ตนถูกตั้งคำถามมาทั้งต้นว่าเขาจะไม่มาเจรจา ดังนั้น เป็นความพยายามที่เราต้องกดดันผ่านกรอบความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นองค์การระหว่างประเทศ องค์การนานาชาติ ประเทศพันธมิตรหรือประเทศที่เป็นมหาอำนาจ รวมทั้งประเทศที่เป็นสมาชิก UNSC และเมื่อเกิดกรณีกระทบกระทั่งก็เป็นแรงกดดัน ที่ท้ายที่สุดไม่มีอะไรดีไปกว่าการเจรจาทวิภาคี ตนถือว่าเราประสบความสำเร็จที่จะดึงเขากลับมานั่งเจรจาทวิภาคีแล้วภายใต้การสังเกตการณ์ของมหาอำนาจ
เมื่อเช้านี้ ก่อนทำหนังสือประท้วง ตนได้โทรศัพท์คุยกับรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ได้อธิบายให้เขาฟังว่ามีการกระทบกระทั่งกัน ตนมีความจำเป็นจะต้องทำการประท้วงไปที่ประธานอาเซียน ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพและพยาน และอธิบายให้เขาฟังและส่งหนังสือเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้ทำหนังสือให้พยานอีกสองประเทศ คือสหรัฐและจีน ให้ได้ตระหนักถึงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของไทยและกัมพูชา
เมื่อเช้านี้กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานไปที่ออฟฟิศของนายกอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และได้มีการพูดคุยกันระหว่างนายกอันวาร์และนายภูมิธรรมเรียบร้อยแล้ว โดยได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเล่าถึงความพยายามของเราที่จะประท้วง เนื่องจากมีการละเมิด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะประธานาธิบดีอินโดนีเซียอยู่ด้วยพอดี ผมเองได้พูดกับท่านโดยตรง ซึ่งท่านก็เข้าใจ
รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก เราพยายามจะลดความตึงเครียดของปัญหา ขณะเดียวกันมันอาจจะมีการกระทบกระทั่ง ยังไม่ประสบผลสำเร็จอย่างสมบูรณ์ เราพยายามที่จะแก้ปัญหา ฝากทุกท่านระมัดระวังว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นเพื่อตอบเป้าหมายของรัฐบาลและประเทศชาติ เรื่องแรก เราไม่ยอมเสียอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างแน่นอน สอง เราต้องการที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างสันติและสุจริตใจ
ผู้สื่อข่าวถามถึงความเชื่อมั่นหลังการเจรจาว่าอาจถูกมองว่าเป็นการยินยอมหรือทำให้ประเทศเสียเปรียบในเวทีโลกหรือไม่ นายมาริษ ยืนยันว่าประเทศไทยได้รับการยอมรับในเวทีโลก เมื่อวานทันทีที่เครื่องแตะพื้น หลังการเจรจาก็ได้มีการพูดคุยกับนายโดนัล เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งในระหว่างการพูดคุย ประธานาธิบดีทรัมป์ให้เกียรติประเทศไทย และพูดว่าสิ่งที่รัฐบาลไทยทำเมื่อวานนี้นำมาสู่สันติภาพที่จะเกิดขึ้นในอาเซียน ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา และประธานาธิบดีทรัมป์พูดอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่ตัดสินใจในครั้งนี้ได้รับการชื่นชมจากท่านและนานาอารยประเทศ ที่จะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ขณะที่นายภูมิธรรม ก็ย้ำว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น ดังนั้น ประชาชนควรชื่นชมสิ่งที่รัฐบาลไทยทำเพื่อแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี
ส่วนจะเป็นการได้เปรียบหรือเสียเปรียบกับประเทศกัมพูชา นายมาริษ กล่าวว่า ระหว่างการเจรจามีพล.อ.ณัฐพล นั่งอยู่ด้วยแล้วได้ติดต่อกองทัพตลอด ย้ำว่ารัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม ทำเพื่อปกป้องอธิปไตยและลดความสูญเสีย
ส่วนกรณีที่กัมพูชาพยายามบิดเบือน ส่งผลให้ประเทศไทยเสียเปรียบหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเราชี้แจงด้วยความอดทนอดกลั้น สิ่งที่ยืนยันคือเราไม่ได้ใช้โอกาสในการบิดเบือน เราพูดข้อเท็จจริง เป็นสุภาพบุรุษ ดังนั้น ไม่ต้องกังวลสายตาโลก ซึ่งนอกเหนือจากหนังสือประท้วงดังกล่าวแล้ว ยังส่งไปให้ทูต UN ประจำนครนิวยอร์กและเจนีวาด้วย เชื่อว่าสุดท้ายความจริงก็คือความจริง หากเชื่อข้อมูลบิดเบือนได้ โลกก็ไม่มีความสงบสุข ขออย่ากังวล เพราะมอนิเตอร์สถานการณ์ ภาพลักษณ์เราดีมาก
นายมาริษ กล่าวทิ้งท้ายว่า นายแอลมานูแอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ส่งข้อความมายินดี และหลังจากแถลงนี้ตนจะเข้าหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามซึ่งจะมีการทำความเข้าใจในเรื่องนี้กันด้วย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : มาริษเผยส่งหนังสือประท้วง ‘อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น’ ครบ ย้ำยึดความสำคัญอำนาจอธิปไตย
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th