ITC กวาดยอดขายครึ่งแรก 8.7 พันล้านบาท
นายรอย ชาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกสะท้อนถึงรากฐานการดำเนินธุรกิจที่มีความมั่นคงและความเข้มแข็ง จากการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จของกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาว ตลอดจน ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูง ส่งผลให้ปริมาณการขายเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนถึงความไว้วางใจที่ลูกค้าทั่วโลกมีต่อเรา แม้ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งเรื่องภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และแรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยน สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องมีความยืดหยุ่น พร้อมปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ โดยมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมมาเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ขยายธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่ และการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย
สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2568 ITC มียอดขาย 8,722 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.1% ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 12.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีกำไรขั้นต้น 2,141 ล้านบาท และกำไรสุทธิปรับปรุง 1,597 ล้านบาท ผลมาจากความสำเร็จของโปรเจกต์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการมูลค่า 56 ล้านเหรียญในสหรัฐฯ และการส่งออกสินค้าล็อตแรกให้กับแบรนด์ผู้นำเข้ารายใหม่ในสหราชอาณาจักรและยุโรป ตอกย้ำจุดแข็งที่โดดเด่นเหนือคู่แข่งของ ITC ซึ่งครอบคลุมการมีฐานลูกค้าทั่วโลกที่เติบโตต่อเนื่อง ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบพรีเมียมคุณภาพสูง การขับเคลื่อนนวัตกรรมผ่านทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้ ITC เป็นผู้ผลิตที่ได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อีกทั้ง มีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ใหม่ 1,635 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายพอร์ตสินค้าและพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“เรายังมุ่งมั่นขับเคลื่อนกลยุทธ์เร่งการเติบโตผ่าน โปรเจคต์เทลวินด์ (Project Tailwind) เพื่อยกระดับการดำเนินธุรกิจ ผ่านการเพิ่มประสิทธิผลของกระบวนการผลิต การจัดซื้อจัดจ้าง พร้อมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญITC ยังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการพิจารณาความร่วมมือทางธุรกิจ ผ่านการควบรวมกิจการ เพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพการผลิตและขยายความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตในปี 2573 ได้ นอกจากนี้ เรายังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มผลกำไรจากการดำเนินงานให้ได้ 50 ล้านเหรียญตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป” นายรอย ชาน กล่าวเสริม
ทั้งนี้ บริษัทฯยังได้เตรียมแผนการรับมือเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยเราให้ความสำคัญในการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนกลยุทธ์เรื่อง cost-sharing และขยายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีนำเข้าต่ำอีกด้วย