2 ดาวรุ่งอนาคตสดใส, เอกิติเก้ ขอเวลาปรับตัว ! 4 ข้อประเมินผลงาน ลิเวอร์พูล อุ่น โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส
ฟอร์มของ "หงส์แดง" ในครึ่งแรกไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ โดยเฉพาะ อูโก้ เอกิติเก้ ที่ผลงานค่อนข้างยังดูไม่ค่อยสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีม เพราะเพิ่งย้ายมาร่วมทัพไม่กี่วัน ทำให้การประสานงานยังดูเก้ๆ กังๆ ขณะที่ครึ่งหลังทัพ "หงส์แดง" ผลงานโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดแม้จะโดนยิงนำไปก่อน แต่สามารถทวงคืนได้แบบทบต้นทบดอก แถมผู้เล่นดาวรุ่งอย่าง ริโอ เอ็นกูโมฮา และ เทรย์ นายโอนี่ ฟอร์มน่าสนใจมากๆ ที่สำคัญทั้งสองคนมีแววจะได้อยู่ในทัพใหญ่ของทีมสำหรับลุยศึกฤดูกาล 2025/2026
1. ริโอ พรสวรรค์เต็มเปี่ยมพร้อมก้าวสู่ทีมชุดใหญ่
จำชื่อ ริโอ เอ็นกูโมฮา เอาไว้ให้ได้ นักเตะทำผลงานได้โดดเด่นมากๆ หลังถูกส่งลงสนามในครึ่งหลัง และโชว์ลีลากระชากลากเลื้อยสวยๆ หลายครั้งหลายหน โดยเฉพาะจังหวะการยิงประตูที่โชว์ลีลาโซโล่เดี่ยวซัดประตูให้ "หงส์แดง"
สำหรับผลงานของ เอ็นกูโมฮา ต้องบอกว่าเก่งเกินวัยจริงๆ เพราะนักเตะเพิ่งอายุ 16 ปี แต่มีพรสวรรค์เต็มเปี่ยม และมีศักยภาพมากพอที่ อาร์เน่อ สล็อต กุนซือชาวดัตช์ จะไว้วางใจให้เขาขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชุดใหญ่
ตั้งแต่ความกล้าหาญในการครองบอล, ทักษะเฉพาะตัวอันยอดเยี่ยม, ไปจนถึงความเร็วและความมุ่งมั่นที่พาเขาเข้าไปในพื้นที่อันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่า และสร้างความลำบากให้กองหลัง เจ้าหนูริโอ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้เป็นแค่ดาวรุ่งจากอะคาเดมี่อีกต่อไป
หนุ่มน้อยวัยกระเตาะ ซึ่งย้ายมาจาก เชลซี เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ได้รับโอกาสในทัวร์ปรีซีซั่น และกำลังแสดงให้เห็นว่า เจ้าตัวพร้อมแล้วที่จะก้าวขึ้นมาลุ้นตำแหน่งในทีมชุดใหญ่ และอาจได้สัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกในไม่ช้านี้
2. เอกิติเก้ เดบิวต์ยังไม่ค่อยเด็ด
หนึ่งในสิ่งที่แฟนบอลลิเวอร์พูลทั้งในสนามนิสสัน สเตเดี้ยม และทั่วโลก ตื่นเต้นมากๆ นั่นก็คือการลงเล่นเปิดตัวของ อูโก้ เอกิติเก้ หลังนักเตะย้ายมาร่วมทัพด้วยค่าตัวรวม 79 ล้านปอนด์ (ราว 3,476 ล้านบาท)
น่าเสียดายที่ เอกิติเก้ แทบไม่มีบทบาทตลอด 45 นาทีในแมตช์นี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักเตะจะดูไม่มีอนาคต เพราะหากมองจากภาพรวมฟอร์มของเขาก็ถือว่าไม่ได้ขี้เหร่ เพียงแค่ยังต้องใช้เวลาปรับจูนกับเพื่อนร่วมทีมอีกสักพัก
หัวหอกชาวฝรั่งเศส ประสานงานกับ โม ซาลาห์ ได้อย่างลื่นไหลตั้งแต่ช่วงต้นเกม แสดงให้เห็นถึงสัมผัสบอลแรกที่นุ่มนวล และเกือบเปิดบัญชีประตูแรกในเกมประเดิมสนามได้ด้วยลูกไขว้ยิงสุดแพรวพราวแต่โดนนายทวารเจ้าบ้านปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด
อย่างไงก็ตามการที่ ดาวเตะวัย 23 ปีต้องยืนสูงในฐานะหน้าเป้า และแทบไม่ค่อยได้ฉีกออกไปเล่นทางกว้างทำให้ผลงานครึ่งแรกของเขาค่อนเข้างเงียบพอสมควร และอาจจะดูน่าผิดหวังสำหรับเจ้าตัวด้วย
สุดท้าย เอกิติเก้ โดนเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่ง อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนตัวไม่ได้เกี่ยวกับฟอร์มของนักเตะแค่เป็นการปรับแท็กติกเท่านั้น แถมเขาเพิ่งจะมาร่วมทีมไม่กี่วัน โค้ชอาร์เน่อ จึงไม่อยากให้เจ้าตัวลงสนามมากเกินไป โดยตอนนี้ก็แค่ต้องให้เวลานักเตะปรับตัวเพื่อให้เข้ากับระบบและจังหวะการเล่นของทีมเท่านั้น
3. เวียร์ตซ์ ฟอร์มดีวันดีคืน
ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ใช้เวลาอยู่ในสนาม 64 นาที และสามารถปิดท้ายผลงานได้อย่างสวยงาม ด้วยการยิงประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ช่วยทัพ "เดอะ เร้ดส์" ตีเสมอให้ทีมได้หลังผ่านชั่วโมงแรกของเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายในทัวร์เอเชีย
ผลงานของ เวียร์ตซ์ ค่อนข้างดีเยี่ยม โดยทำหน้าที่ค่อยเชื่อมเกม และใช้ความสามารถเฉพาะตัวรวมทั้งความรวดเร็วว่องไวในการเอาตัวรอด ที่สำคัญไหวพริบและความฉลาดในการวางบอลรวมทั้งหาพื้นที่ว่างทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ
เพลย์เมคเกอร์ชาวเยอรมัน โชว์สัมผัสแรกที่นุ่มนวลสวยงามหลายครั้ง โดยเฉพาะในครึ่งแรกที่เขาประสานงานกับ "บังโม" บริเวณแนวรุกฝั่งขวาของลิเวอร์พูลได้อันตรายมาก นอกจากนี้ยังมีจังหวะเลี้ยงบอลลื่นไหลตามสไตล์ของเขาในบทบาทหมายเลข 10
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของ เวิร์ตซ์ อาจจะดูฝืด ๆ ไปบ้างในบางจังหวะ โดยเขากำลังปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมทีมใหม่และสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง ดังนั้นหากเจ้าตัวได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง มั่นใจได้เลยว่าจะเห็นทีเด็ดของเขามากกว่านี้
4. นายโอนี่ ยิ่งเล่นยิ่งพัฒนา
เทรย์ นายโอนี่ ลงมาสร้างผลงานได้น่าประทับใจเช่นเดียวกับ เอ็นกูโมฮา โดยเฉพาะจังหวะการยิงประตูของเขาแสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณที่รวดเร็วว่องไวในการจบสกอร์ ที่สำคัญยังเป็นผู้เล่นที่มีพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง
นายโอนี่ คือดาวรุ่งที่ฉายแววโดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในช่วงปรีซีซั่นเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ก่อนจะได้รับโอกาสลงสนามในเอฟเอ คัพ และคาราบาว คัพ อย่างละสองนัดเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา และยังสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของ "หงส์แดง" ที่ประเดิมสนามเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พบกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น
ปัจจุบัน นายโอนี่ ดูแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในด้านร่างกายและประสบการณ์ที่เพิ่มมากขึ้น เขาดูมีความมั่นใจและทรงพลังมากขึ้นในบทบาทมิดฟิลด์ การวิ่งเติมเข้าเขตโทษเพื่อเข้าชาร์จลูกเปิดอันแม่นยำของ เจเรมี ฟริมปง แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมและการเคลื่อนที่ที่มีคุณภาพ
นักเตะมีพัฒนการทั้งร่างกาย ทักษะ และจิตใจและหากรักษาฟอร์มแบบนี้ไว้ได้ โอกาสในทีมชุดใหญ่และได้เฉิดฉายในวงการลูกหนัง ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน