‘สุชาติ’ ลงพื้นที่ไร้เงา ‘หลวงพ่ออลงกต’ ปมปัญหายังไม่เคลียร์ทุกประเด็น

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 ส.ค. 68 นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พร้อมทั้ง นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นายจักรภพ เพ็ญแข ที่ปรึกษาเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาที่วัดพระบาทน้ำพุ ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี เพื่อมาดูข้อเท็จจริง รวมทั้งประชุมรับฟังข้อมูลจากทางผู้เกี่ยวข้อง โดยมี นายปรัชญา เปปะตัง รอง ผวจ.ลพบุรี นายวีระ จำลอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลพบุรี (พศจ.ลพบุรี) พร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา ฝ่ายปกครอง และผู้เกี่ยวข้อง ได้ต้อนรับ ท่ามกลางกองทัพผู้สื่อข่าวหลายแขนงจำนวนมาก โดยไม่ปรากฎ พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เข้าร่วม

โดยก่อนเข้าห้องประชุม ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายสุชาติ ถึงเหตุผลการเดินทางมาที่วัดพระบาทน้ำพุ และข่าวการลาออกจากเจ้าอาวาสของ หลวงพ่ออลงกต ซึ่งได้ยื่นต่อ พระธรรมวชิรสุนทร เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี และมีผลในวันนี้นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า การลาออกจากเจ้าอาวาสของหลวงพ่อ คงเพื่อความสบายใจในการตรวจสอบ ซึ่งวันนี้ตนเดินทางมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเรื่องมันไปคนละทิศคนละทาง จึงอยากจะมาดูไม่ให้เกิดวิกฤตศรัทธา เพราะมีเรื่องเกิดมาเยอะมาก จึงไม่อยากให้เสื่อมในศาสนาพุทธขึ้น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นว่าวันนี้ทางวัดจะมีการแถลงข่าวในเรื่องที่สังคมสงสัยแต่ยังไม่ได้มีการแถลง นายสุชาติ ระบุว่า เห็นว่าจะแถลงตั้งแต่เมื่อวานซืน แต่ไม่มีการแถลง จึงอยากมาดูสาเหตุเหมือนกัน

ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จากกระแสข่าวออกมา รวมทั้งคำพูดของหลวงพ่ออลงกต สัมผัสได้ถึงความจริงใจในการชี้แจงในข้อมูลหลักฐานหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ยังไม่ได้ข่าวและไม่ได้รับการติดต่อจากหลวงพ่อเลย จึงต้องมาดูด้วยตัวเอง ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนว่าประเด็นมีสองส่วน คือ เงินของวัด ซึ่งมาจากงบประมาณที่สำนักพุทธศาสนาต้องดูแล กับอีกส่วน คือ เงินของมูลนิธิ ที่มีอยู่ถึง 5-6 มูลนิธิ ตรงนี้เป็นข้อสงสัยของชาวบ้านมาก ว่าเงินมูลนิธิเป็นร้อยๆ ล้านเนี่ย มันยังอยู่ดีมั้ย เอาไปทำผิดวัตถุประสงค์หรือเปล่า แต่เพราะมูลนิธิขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้ขึ้นกับสำนักพุทธศาสนาจึงต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ซึ่งในส่วนสำนักพุทธศาสนาจะดูว่า งบประมาณที่ได้รับมาใช้ถูกต้องหรือไม่แค่นั้นเอง

ส่วนที่ดินที่เอาไปทำโครงการต่างๆ ก็ต้องดูด้วยว่า เอาเงินอะไรไปซื้อ เพราะเรายังไม่ทราบในรายละเอียดมาก ส่วนที่ว่ามีการโอนที่ดินคืนวัดนั้น เรายังพูดอะไรไม่ได้เพราะยังไม่เห็นหลักฐาน เมื่อถามว่าวัดจะมีอิทธิพลหรือไม่ นายสุชาติ ตอบว่า วัดไม่น่าจะมีอิทธิพล พร้อมถามผู้สื่อข่าวว่า นักข่าวมีข้อมูลอะไรลึกๆ อยากให้ผมรู้ เชิญได้เลย ตอนประชุมก็จะให้ผู้สื่อข่าวรู้ด้วย

จากนั้น นายสุชาติ ได้เข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุม ของวัดพระบาทน้ำพุ โดยมี พระครูสุวัฒน์กิตติสาร เจ้าคณะตำบลเขาสามยอด ในฐานะประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้ง นายสมพร โสมะเค็ง ไวยาวัจกรวัดพระบาทน้ำพุ กรรมการมูลนิธิอาทรประชานาถ มูลนิธิธรรมรักษ์นิเวศน์ ได้ให้ข้อมูล

ภายหลังจากการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง นายสุชาติ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวอีกครั้ง โดย นายสุชาติ กล่าวว่า มาวันนี้ยังไม่ได้ข้อมูลมากนัก แต่มีข้อสังเกตุหลายประการ ประการแรกเกี่ยวกับเรื่องที่ดินที่มีข่าวว่ามูลนิธิที่วัดไปเกี่ยวข้อง 5-6 มูลนิธิ ซึ่งฝากทางจังหวัดไปดูว่า การรับบริจาค และการใช้เงินถูกต้องหรือไม่ เกี่ยวข้องกับวัดอย่างไร หากเกี่ยวข้องกับวัดถือว่าเป็นสมบัติของวัดด้วย สำนักพุทธศาสนาก็ต้องเข้ามาตรวจสอบ ส่วนเรื่องที่ดินมีข้อสงสัยเยอะมาก ที่ดินในนามมูลนิธิยังน้อยอยู่ใม่กี่ร้อยไร่ แต่กรรมการในมูลนิธิยังถือครองเป็นพันไร่ ดังนั้นต้องไปตรวจสอบว่าที่ถือครองนั้นถือครองในนามมูลนิธิหรือถือครองส่วนตัว ถ้าถือครองส่วนตัว เขามีปัญหาจะถือครองทรัพย์สินมากขนาดนั้นหรือ หากถือครองในนามมูลนิธิต้องดูว่าจะพร้อมโอนคืนหรือไม่ และทำไม ถือครองแทนมูลนิธิ จึงให้ทางจังหวัดไปหาเหตุหาผลมา เพราะมูลนิธิทั้งหมดเกี่ยวข้องกับวัด มันก็เป็นสมบัติของวัด

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า การใช้เงินมูลนิธิไปทำอคาเดมี่ ไปสร้างสนามฟุตบอลเยอะแยะมากมาย และมีค่าใช้จ่ายตามมาเดือนนึงไม่รู้กี่แสนบาท ว่าทำไมต้องเอาไปสร้างมากมายขนาดนั้น แม้จะสร้างสนามฟุตบอลต้องดูว่าเป็นหน้าที่ของวัดหรือไม่ ทำเกินหน้าที่และใช้เงินถูกต้องมั้ย

ข้อสังเกตุของตนนั้นคือทำไมต้องบริจาคเป็นมูลนิธิ ทำไมไม่บริจาคเข้าวัดโดยตรง ซึ่งคงเป็นเทคนิคการใช้เงินผ่านมูลนิธิ สำนุกพุทธศาสนาก็เข้าไปตรวจสอบไม่ได้ ต้องกำชับให้ทางอำเภอ ทางผู้ว่าฯ ตรวจสอบตั้งแต่ต้นเลย ว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจให้ประชาชนบริจาค ใช้ชื่อวัด ใช้ชื่อหลวงพ่อหรือไม่ เหมือนที่รู้มาว่า หมอบี เปิดบัญชีตัวเองและนำเงินบริจาคแต่ละครั้งมาให้หลวงพ่อ และบางครั้งแจ้งว่าเอาเงินไปบริจาคที่นั่นที่นี่ ซึ่งไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ และกรรมการมูลนิธิว่าอย่างไร เป็นอำนาจของบุคคลคนเดียวหรือไม่ จังหวัดต้องไปตรวจสอบ ให้เวลาสัก 10 วัน ส่วนทางตำรวจคงมีการรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ เราไปก้าวก่ายไม่ได้

"วันนี้เงินมูลนิธิเหลือไม่เท่าไร ทั้งที่ก่อตั้งมาหลายปี เมื่อก่อนวัดพระบาทน้ำพุดังมาก เงินบริจาคเยอะมาก ผมเองก็หมดไปหลายครั้ง อันนี้ต้องไปดูทางอำเภอ เพราะมีหน้าที่ตรวจสอบบัญชี จึงฝากนายอำเภอด้วย ว่าอำเภอไหนมีการตั้งมูลนิธิ ดูการรับบริจาค เขาใช้โฆษณาแบบไหน เขาให้บริจาคให้ใครของวัดหรือของหลวงพ่อ" นายสุชาติ กล่าว

เมื่อถามว่าตอนนี้เงินในบัญชีเหลือเท่าไร นายสุชาติ ตอบว่า อย่าเปิดเผยเลย เอาเป็นว่าเหลือน้อยละกัน แต่พอจ่ายค่าน้ำค่าไฟ อันนี้เป็นบทเรียนที่จะต้องดำเนินการแก้ไขให้รัดกุม เรื่องเงินของวัดและมูลนิธิ ทั้งนีทั้งนั้นมันเป็นเทคนิค ที่เราต้องดูแลให้ยิ่งขึ้น

ส่วนการรักษาดูแลผู้ป่วยทางสาธารณสุขก็ต้องใช้เงินมูลนิธิ ส่วนที่ทาง สปสช. แจ้งว่ามีการให้เงินมาในการช่วยเหลือผู้ป่วยด้วยนั้น นายสุชาติ ตอบว่า อันนี้ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบตน แต่เขาคงมีสิทธิในการเบิกค่ารักษาตามกฎหมาย ตนคงไม่ทราบ

ส่วนการที่หลวงพ่ออลงกต ลาออกจากเจ้าอาวาสนั้น เจ้าคณะตำบลคงมีการตั้งผู้รักษาการแทน นอกจากนี้การที่มีข่าวว่าหลวงพ่อประพฤติปฏิบัติที่มีเรื่องสีกา ให้สำนักพุทธศาสนาไปตรวจสอบหาข้อมูลจากชาวบ้านด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากหลวงพ่อเลย ขณะที่เรื่องวุฒิการศึกษาได้ให้ทางสำนักพุทธศาสนาไปตรวจสอบว่าได้ใช้วุฒิการศึกษาในการเลื่อนสมณศักดิ์หรือไม่ หากใช้วุฒิปลอมก็จะถูกดำเนินคดี ในการปลอมแปลงเอกสาร ขั้นตอนจากนี้หากผิดจริง ทางมหาเถรสมาคม (มส.) จะต้องเอาผิดลงโทษทางสงฆ์ หากผิดทางอาญาก็เป็นเรื่องของตำรวจ รับรองไม่ละเลยแน่.