เทย์เลอร์ สวิฟต์ ประกาศอัลบั้มใหม่ ‘The Life of a Showgirl’ เปิดพรีออเดอร์แล้ว

เทย์เลอร์ สวิฟต์ ประกาศเปิดตัวสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 12 อย่างเป็นทางการในชื่อ ‘The Life of a Showgirl’ สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนเพลงทั่วโลก เพราะก่อนหน้านี้เทย์เลอร์ได้ปล่อยตัวอย่างภาพเซตแฟชั่นอัลบั้มสุดเปรี้ยวเข็ดฟัน ในลุคแกสบี้

ศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี่ได้ประกาศข่าวนี้ผ่านเว็บไซต์ทางการ หลังจากสิ้นสุดการนับถอยหลังเมื่อเวลา 12:12 น. ของวันอังคารที่ผ่านมา

รายละเอียดอัลบั้ม ‘The Life of a Showgirl’

สำนักข่าวเอพี รายงานว่ายังไม่มีการประกาศวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่เว็บไซต์ของสวิฟต์ระบุว่าอัลบั้มในรูปแบบแผ่นไวนิลจะเริ่มจัดส่งก่อนวันที่ 13 ตุลาคมนี้

ตอนนี้ มีการเปิดให้สั่งจองอัลบั้มรุ่นพิเศษลิมิเต็ดเอดิชั่นในรูปแบบแผ่นไวนิลสีส้มกลิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า “Portofino orange glitter” และมีอัลบั้มในรูปแบบเทปคาสเซ็ทให้สั่งจองล่วงหน้าด้วยเช่นกัน

อัลบั้มชุดนี้นับเป็นผลงานเพลงชุดแรกของเทย์เลอร์ สวิฟต์ หลังจากที่เธอได้สิทธิ์ในมาสเตอร์เพลงทั้งหมดของตนเองกลับคืนมา นักร้องสาวได้ซื้อแคตตาล็อกผลงานเพลงของเธอคืนจากบริษัท Shamrock Capital เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

เทย์เลอร์ สวิฟต์ มีกำหนดการจะไปปรากฏตัวในพอดแคสต์ยอดนิยม ‘New Heights’ ซึ่งดำเนินรายการโดย ทราวิส เคลซี แฟนหนุ่มของเธอ และ เจสัน เคลซี พี่ชายของเขา ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้

ทางรายการได้ปล่อยวิดีโอทีเซอร์เป็นภาพสวิฟต์หยิบอัลบั้มออกจากกระเป๋าเอกสาร โดยหน้าปกอัลบั้มถูกเบลอไว้เช่นเดียวกับภาพที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของเธอ

ก่อนหน้านี้ แฟนเพลงต่างคาดการณ์กันว่าสวิฟต์จะปล่อยอัลบั้มใหม่ในเร็วๆ นี้ หลังจากเมื่อวันจันทร์ ทีมการตลาดอย่างเป็นทางการของเธอได้โพสต์สไลด์โชว์ 12 ภาพลงใน TikTok ซึ่งทุกภาพเป็นรูปสวิฟต์ในชุดสีส้ม พร้อมกับคำบรรยายภาพว่า “กำลังคิดถึงตอนที่เธอบอกว่า ‘แล้วเจอกันในยุคต่อไป…'”

อัปเดตล่าสุด 14 สิงหาคม เทย์เลอร์ สวิฟต์ ได้ประกาศข้อมูลเพิ่มเติมผ่านโซเชียลมีเดียของเธอ โดยเปิดให้แฟนเพลงสั่งจองอัลบั้ม ‘The Life of a Showgirl’ ในรูปแบบ Deluxe CD รุ่นลิมิเต็ดในชื่อ “It’s Beautiful” Limited Release Deluxe CD การสั่งจองล่วงหน้านี้จะเปิดเพียง 72 ชั่วโมง หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

การประกาศครั้งนี้ยังได้เปิดเผยรายชื่อโปรดิวเซอร์ผู้ร่วมสร้างสรรค์อัลบั้มชุดนี้เป็นครั้งแรก ประกอบด้วย Max Martin, Shellback และตัวของเทย์เลอร์ สวิฟต์เอง ส่วนช่างภาพที่ถ่ายปกอัลบั้มคือ Mert Alas และ Marcus Piggott

เปิดเส้นทางดนตรี Taylor Swift จากคันทรีสู่ไอคอนแห่งยุค ก่อนถึงอัลบั้มที่ 12 ‘The Life of a Showgirl’

การประกาศอัลบั้มชุดที่ 12 ‘The Life of a Showgirl’ ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ได้สร้างความตื่นเต้นไปทั่วโลก ก่อนที่เราจะได้ฟังผลงานชุดใหม่ การย้อนดูเส้นทางดนตรีที่ผ่านมา ช่วยให้เห็นภาพการเติบโตและวิวัฒนาการทางดนตรีที่น่าทึ่ง ไม่ได้เป็นเพียงการออกอัลบั้ม แต่คือการสร้าง “ยุคสมัย” หรือ “Era” ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในด้านดนตรี ภาพลักษณ์ และการเล่าเรื่อง

1. ยุคคันทรีดาวรุ่ง

นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้โลกได้รู้จักเด็กสาวจากเพนซิลเวเนียผู้มาพร้อมกีตาร์และความสามารถในการแต่งเพลงที่เกินวัย

Taylor Swift (2006): อัลบั้มเปิดตัวที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของดนตรีคันทรี เล่าเรื่องราวความรักแบบฉบับวัยรุ่น มีเพลงฮิตอย่าง “Tim McGraw” และ “Teardrops on My Guitar”

Fearless (2008): อัลบั้มที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ตอกย้ำภาพลักษณ์เจ้าหญิงเพลงคันทรี มีเพลงดังระดับโลกอย่าง “Love Story” และ “You Belong With Me” อัลบั้มนี้ทำให้เธอได้รับรางวัลแกรมมี่ สาขาอัลบั้มแห่งปีเป็นครั้งแรก

Speak Now (2010): ความพิเศษของอัลบั้มนี้คือสวิฟต์แต่งเพลงทั้งหมดด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในฐานะนักแต่งเพลงที่ชัดเจน มีเพลงฮิตคือ “Mine” และ “Back to December”

2. ยุคเปลี่ยนผ่านสู่ป๊อป

เป็นยุคที่เทย์เลอร์เริ่มทดลองผสมผสานแนวเพลงอื่นเข้ามาในงานของเธอ ถือเป็นสะพานเชื่อมระหว่างความเป็นคันทรีและป๊อปสตาร์เต็มตัว

Red (2012): อัลบั้มที่เปรียบเหมือน “สมุดรวมเพลง” ที่มีความหลากหลายทางดนตรีสูงมาก มีทั้งเพลงคันทรี, ป๊อป, อารีนา-ร็อก ไปจนถึงดับสเต็ป เป็นครั้งแรกที่เธอร่วมงานกับโปรดิวเซอร์เพลงป๊อปอย่าง Max Martin และ Shellback มีเพลงฮิตติดหูอย่าง “We Are Never Ever Getting Back Together”, “I Knew You Were Trouble.” และเพลงบัลลาดที่แฟนๆ ชื่นชอบอย่าง “All Too Well”

3. ยุคเจ้าแม่เพลงป๊อป

เทย์เลอร์ทิ้งภาพลักษณ์คันทรีไว้ข้างหลัง ก้าวเข้าสู่การเป็นศิลปินเพลงป๊อประดับโลกอย่างเต็มตัว

1989 (2014): อัลบั้มป๊อปเต็มรูปแบบชุดแรกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดนตรีซินธ์ป๊อปยุค 80s ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลและกลายเป็นปรากฏการณ์ มีเพลงดังอย่าง “Shake It Off”, “Blank Space” และ “Style” อัลบั้มนี้ทำให้เธอคว้ารางวัลแกรมมี่ อัลบั้มแห่งปี เป็นครั้งที่ 2

Reputation (2017): การกลับมาพร้อมภาพลักษณ์ที่แข็งกร้าวและดุดัน ดนตรีเป็นแนวอิเล็กโทรป๊อปและแทรปที่หนักแน่น เนื้อหาพูดถึงชื่อเสียงและมุมมองจากสื่อที่เธอต้องเผชิญ มีเพลงเด่นคือ “…Ready for It?” และ “Look What You Made Me Do”

Lover (2019): สลัดภาพความมืดมนจากยุคก่อนหน้า กลับมาพร้อมกับดนตรีซินธ์ป๊อปที่สดใสและอบอวลด้วยความรัก อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มแรกที่เธอเป็นเจ้าของมาสเตอร์อย่างสมบูรณ์ มีเพลงอย่าง “Lover”, “Cruel Summer” และ “You Need To Calm Down”

4. ยุคโฟล์กและการเล่านิทาน

ในช่วงการระบาดของโควิด-19 เทย์เลอร์ สวิฟต์สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการปล่อยอัลบั้มแนวอินดี้-โฟล์ค ที่ไม่มีใครคาดคิด

folklore & evermore (2020): สองอัลบั้มพี่น้องที่ปล่อยออกมาในปีเดียวกัน เป็นการเปลี่ยนแนวทางดนตรีอย่างสิ้นเชิง ดนตรีมีความเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เน้นการเล่าเรื่องราวจากมุมมองของบุคคลที่สามและตัวละครสมมติ ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม และ folklore ก็ทำให้เธอได้รับรางวัลแกรมมี่ อัลบั้มแห่งปี เป็นครั้งที่ 3

5. ยุคหวนคืนสู่ป๊อป

การกลับมาสู่งานเพลงป๊อปอีกครั้ง แต่ด้วยมุมมองที่โตขึ้นและมีการทบทวนเรื่องราวในอดีต

Midnights (2022): อัลบั้มคอนเซ็ปต์ที่เล่าถึง 13 คืนที่นอนไม่หลับในชีวิต ดนตรีเป็นแนวซินธ์ป๊อปและดรีมป๊อปที่ฟังสบายขึ้น เนื้อเพลงมีความเป็นส่วนตัวและสำรวจความรู้สึกนึกคิดในแง่มุมต่างๆ มีเพลงฮิตอย่าง “Anti-Hero” และ “Lavender Haze” อัลบั้มนี้ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้เธอคว้ารางวัลแกรมมี่ อัลบั้มแห่งปี เป็นครั้งที่ 4

นอกเหนือจากสตูดิโออัลบั้มใหม่ อีกหนึ่งโปรเจกต์สำคัญคือการอัดบันทึกเสียงอัลบั้มเก่าทั้ง 6 ชุดแรกใหม่ เพื่อให้เธอได้เป็นเจ้าของสิทธิ์ในผลงานเพลง (มาสเตอร์) ของตัวเองอย่างสมบูรณ์ โดยใช้ชื่อต่อท้ายว่า (Taylor’s Version) ซึ่งมาพร้อมกับเพลงใหม่ที่ไม่เคยถูกปล่อยมาก่อนในชื่อ “From The Vault” ทำให้แฟนเพลงได้สัมผัสกับยุคต่างๆ ของเธอในมุมมองที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น