เจาะอินไซต์ขนส่ง ตปท. ไปรษณีย์ไทย 'จีน' Top 5 ประเทศปลายทาง
ในวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน “ไปรษณีย์ไทย” ร่วมกับสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ จัดงานแสดงตราไปรษณียากรภาคพื้นเอเชีย 2568 “จดหมายแห่งมิตรภาพ-From Bangkok to Beijing” ถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ ผ่านนิทรรศการแสตมป์หายาก จดหมาย และกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมร่วมสมัย ตั้งแต่วันที่ 8-12 ส.ค. 2568 ณ ไปรษณีย์กลาง บางรัก
งานนี้ยังสะท้อนถึงพัฒนาการมิตรภาพระหว่างไทย-จีน ที่ค่อย ๆ ถักทอเป็น “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์” เติบโตทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมพร้อมกันไป ยิ่งในยุคที่การค้าขายเปิดกว้าง และไร้พรมแดน ปริมาณการส่งสินค้าถึงกันก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
“ดนันท์ สุภัทรพันธุ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวถึงรายได้จากการขนส่งไปยังต่างประเทศของไปรษณีย์ไทยในปัจจุบัน ว่าอยู่ที่ 15-17% ของรายได้รวม และ Top 5 ประเทศปลายทางที่มีปริมาณการส่งของจากไทยมากที่สุด ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย
หากเจาะไปที่ “จีน” โดยเฉพาะ จะพบว่าในแต่ละปีไปรษณีย์ไทยส่งพัสดุจากไทยไปจีนประมาณ 50,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าการขนส่งสินค้ากว่า 50 ล้านบาท โดยปริมาณการส่งในปี 2567 ที่ผ่านมาเติบโตจากปีก่อนหน้า 3%
ในแง่ของกลุ่มบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือไปรษณียภัณฑ์ ส่งด่วนระหว่างประเทศ EMS World และพัสดุ
ส่วน “สิ่งของ” ที่นิยมส่งผ่านไปรษณีย์จากไทยไปจีน คือเอกสาร, ของเล่น, เสื้อผ้าคอตตอน, อาหารเสริม และเครื่องรางของขลัง
“ของที่ส่งจากไทยไปจีนส่วนใหญ่มาจากช่องทางอีคอมเมิร์ซ สอดคล้องกับพฤติกรรมคนจีนที่จับจ่ายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซเป็นหลักไปแล้ว”
ส่วนปริมาณพัสดุจากจีนมาไทยที่ผ่านช่องทางไปรษณีย์ไทยอยู่ที่ 70,000 ชิ้น/ปี ตัวอย่างที่มาของพัสดุ เช่น สินค้าที่มีการสั่งซื้อจาก “เทมู” (Temu) มีพาร์ตเนอร์ด้านการขนส่ง-โลจิสติกส์ในประเทศดำเนินการให้ก่อนส่งมาที่ไปรษณีย์ไทย เป็นต้น
“สินค้าที่ส่งจากจีนมีส่วนที่ส่งผ่านผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ด้วย แยกส่งตามเงื่อนไข และประเภทสินค้าที่เหมาะสม ซึ่งการแข่งขันในอุตสาหกรรมยังเข้มข้นต่อเนื่อง อยู่ที่ว่าเราจะปรับตัวให้เข้ากับข้อกำหนดของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันได้อย่างไร”
“ดนันท์” กล่าวด้วยว่า ไปรษณีย์ไทยมีแผนที่จะพัฒนาการขนส่งทางบกจากต้นทางจีน เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่ม B2B และ B2C โดยใช้การขนส่งในช่องทางพาณิชย์ ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการลดต้นทุนค่าขนส่ง สามารถขนส่งได้ในปริมาณมากขึ้นเมื่อเทียบกับการขนส่งทางอากาศ และอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทั้งต้นทางและปลายทางได้มากขึ้น เช่น มีบริการดำเนินพิธีการภาษีศุลกากรทั้งที่ต้นทางและปลายทาง
“การขนส่งระหว่างไทยและจีนมีหลายเส้นทาง ทั้งการขนส่งทางอากาศ, ทางเรือ และภาคพื้น ซึ่งทุกเส้นทางล้วนมีศักยภาพในการช่วยเพิ่มความสามารถการแข่งขันให้ธุรกิจไทย”
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างศึกษาการใช้ประโยชน์จากช่องทางการขนส่ง ทั้งทางรถและทางราง (Multimodul Transport) ไปปลายทางจีน พร้อมเป็นจุดกระจายสินค้าเข้าไทย โดยใช้เครือข่ายในประเทศ และส่งต่อไปทั่วโลก ทั้งทางอากาศและทางภาคพื้น
“ที่ผ่านมาไปรษณีย์ไทยส่งพัสดุจากไทยไปจีนผ่านรถไฟความเร็วสูง มีปลายทางที่เมืองคุนหมิง แต่ปัจจุบันติดข้อจำกัดในเขตพื้นที่ สปป.ลาว ทำให้ต้องสำรวจเส้นทางใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างพูดคุยกับพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ และพยายามให้ได้ข้อสรุปที่เร็วที่สุดในปีนี้”
สำหรับภาพรวมการส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีนในปีนี้ “ดนันท์” มองว่าปัจจัยด้านเศรษฐกิจมีผลมาก ทั้งไทยและจีนต่างประสบปัญหากำลังซื้อตกทั้งคู่ จึงคาดการณ์ได้ลำบากว่าปริมาณการส่งพัสดุระหว่าง 2 ประเทศจะเป็นอย่างไร
อีกส่วนที่มีผลคือ มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับแต่ละประเทศย่อมส่งผลต่อรูปแบบและเส้นทางการส่งสินค้า เช่น จีนส่งสินค้าไปสหรัฐโดยตรง อาจจ่ายภาษีแพงกว่าส่งไปเวียดนามก่อนแล้วค่อยไปที่สหรัฐ เป็นต้น
“เรามีแผนรับมือเป็นสิบแผน แต่สถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้ต้องติดตามใกล้ชิด เพื่อที่จะใช้แผนที่เตรียมไว้ได้อย่างเหมาะสม ไม่กระทบต้นทุนการดำเนินงาน เชื่อว่าการดำเนินงานของเราขณะนี้มีความยืดหยุ่นพอที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้ทันท่วงที”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เจาะอินไซต์ขนส่ง ตปท. ไปรษณีย์ไทย ‘จีน’ Top 5 ประเทศปลายทาง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net