โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ทักษิณ ‘เสือหมอบ’

ไทยโพสต์

อัพเดต 10 กันยายน 2568 เวลา 6.47 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทักษิณนี่ฉลาด สมแล้วที่เป็นเสือในหมู่คนตาบอด!

เขาเคยประกาศ…..

“จะไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว”

เมื่อเขาบินออกนอกประเทศก่อนถึงวันศาลฎีกานัดฟังคำสั่งคดีชั้น ๑๔ ใครๆ ก็พูด “กูว่าแล้ว…มันต้องหนี”

แต่ทักษิณทำเซอร์ไพรส์ ไม่หนี กลับมาฟังคำสั่งศาลจริงๆ แล้วก็ติดจริง-เข้าคุกจริง ๑ ปี ตามคำสั่งศาลเมื่อวาน (๙ ก.ย.)

หลายคนชื่นชม ที่ทักษิณลบคำว่า “คุกมีไว้ขังคนจนกับหมา” ออกไปจากพจนานุกรมยุติธรรมไทย

แต่ทักษิณชื่อกระฉ่อนโลก มีการลงทุนในธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ ระดับพันล้าน-หมื่นล้านหลายแห่ง กับนักลงทุนต่างชาติ กระทั่งกับฮุน เซนก็มี

ด้วยทุกคนเชื่อ เมื่อพรรคทักษิณมีอำนาจครองเมือง โครงการที่ลงทุนร่วมกันมันจะไหลลื่นตามแผน

แต่สังคมวันนี้ มันเปลี่ยนไปแล้ว จาก “ประชาชนคนใต้ตีนนักการเมือง” เปลี่ยนไปเป็น

“ประชาชนคนนั่งทับกระบาลนักการเมือง” คอยตรวจสอบว่าบริหารบ้านเมืองหรือโกงบ้าน-กินเมือง!

จะเห็นว่า “รัฐบาลเพื่อทักษิณ” มีทั้งโครงการถมทะเลเนรมิตเป็น “สร้อยไข่มุกอ่าวไทย” ทั้งโครงการกาสิโนคอมเพล็กซ์” ทั้ง “ขุดพลังงานในอ่าวไทย” ใต้เกาะกูดแบ่ง ๕๐:๕๐ กับเขมร และ ฯลฯ

เมื่อประชาชนเข้มแข็ง โครงการแปลงชาติเป็นทุนก็ติดแหง็ก!

แล้วจะมีคำอธิบายให้นักลงทุนที่จ่ายบางส่วนให้เขาเข้าใจได้ยังไง ไม่ต้องกับใครหรอก เอาแค่ตระกูลฮุนที่รักกันปานจะกลืนกับตระกูลชิน เป็นตัวอย่างก็พอ

อยู่ดีๆ ฮุน เซนโกรธถึงขั้นสร้างเหตุพิพาทระหว่างประเทศเพื่ออะไร ถ้าไม่เพราะขัดกันด้านผลประโยชน์กับทักษิณ ชนิดรุนแรง?!

จำได้มั้ย แค้นต้องสั่งฆ่า…..

เมื่อตอนต้นปี นักการเมืองเขมรฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลคนหนึ่ง หลบมาไทย “เจ้าพ่อเขมร” ส่งคนตามมาจ้างมือปืนยิงทิ้งที่หน้าวัดบวรฯ นั่นน่ะ!

ฉะนั้น ที่ปลอดภัยของทักษิณช่วงนี้ ไม่มีที่ไหนเซฟเท่าที่ “เรือนจำ”

ผมถึงบอก “ทักษิณฉลาด” รู้จักคำว่า “ติดคุกยังมีวันออก - อยู่ข้างนอกมีแต่วันตาย”

มีเงินอย่างทักษิณ ไปอยู่ในคุกซัก ๒-๓ วัน แล้วจะร้อง…รู้งี้กูยอมติดซะตั้งนานแล้ว!!!

ระดับทักษิณ ถ้าไม่มีเบื้องหลังถึงขั้น “จนตรอก-จนแต้ม” ไม่มีซะหรอกที่จะยอมติดคุก เชื่อเถอะ

เอ้า….มาดูประเด็นสำคัญๆ ตามคำสั่งศาลฎีกาเมื่อวาน ด้วยมติเอกฉันท์ ๕:๐ บ้าง

ศาลท่านบอกว่า ….

การส่งตัวทักษิณไปรักษาตัวนอกเรือนจําไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๕๕ และกฎกระทรวง “การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจํา พ.ศ.๒๕๖๓”

นอกจากนี้ การส่งตัวทักษิณออกไปรักษานอกเรือนจํา แบบฉุกเฉินเนื่องจากมีอาการแน่นหน้าอก

แต่ข้อเท็จจริงได้ความจากเจ้าพนักงานเรือนจําชุดควบคุมว่า เมื่อส่งตัวไปถึง รพ.ตํารวจ

ได้พาทักษิณไปที่ห้องพักพิเศษ ชั้นที่ ๑๔ ของอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ ๘๘ พรรษา (มภร.) ซึ่งไม่ใช่ห้องฉุกเฉินหรือห้องอุบัติเหตุ

ขัดกับระเบียบ รพ.ตํารวจ ว่าด้วยการรับตัวผู้ป่วยคดีที่เป็นผู้ต้องหา ผู้ต้องกัก ผู้ต้องขังหรือนักโทษเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยของ รพ.ตํารวจ พ.ศ.๒๕๕๗

นายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผอ.ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ และนายแพทย์พงศ์ภัค ซึ่งเป็นแพทย์เชี่ยวชาญโรคหัวใจ ให้การว่า

ที่ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ มีเครื่องมือตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ มียาขยายหลอดลมและยาลดความดันโลหิตที่ใช้รักษาทักษิณตามเวชระเบียนของ รพ.ตํารวจในวันที่ ๒๓ ส.ค.๖๖

แสดงให้เห็นว่าอาการทักษิณในคืนเกิดเหตุ รพ.ราชทัณฑ์ สามารถรักษาได้ ไม่จําต้องส่งไปรักษานอกเรือนจํา

เชื่อได้ว่า ในคืน ๒๒ ส.ค.๖๖ ทักษิณไม่ได้แน่นหน้าอก แต่อ้างมีอาการแน่นหน้าอก

เพื่อให้เจ้าหน้าที่เรือนจําฯ ใช้เป็นข้ออ้างส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำ

สําหรับการรักษาที่ รพ.ตํารวจ ตั้งแต่ ๒๔ ส.ค.จนถึงวันที่ทักษิณออกจาก รพ.เมื่อ ๑๘ กุมภา.๖๗ นั้น

แพทย์ รพ.ตํารวจออกใบแสดงความเห็นแพทย์ให้เรือนจําฯ และ ผบ.เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ

ใช้ใบรับรองแพทย์ ฉบับลงวันที่ ๑๕ ก.ย.๖๖ วันที่ ๑๘ ต.ค.๖๖ และ ๒๑ ธ.ค.๖๖ เป็นหลักฐานประกอบบันทึกข้อความถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์

ขออนุญาตให้ทักษิณพักรักษาตัวนอกเรือนจําต่อไปเกินกว่า ๓๐ วัน ๖๐ วัน และ ๑๒๐ วัน โดยอ้างเหตุต้องรักษาแผลผ่าตัด

ต้องรับการผ่าตัดเร่งด่วน ต้องรักษาสมองขาดเลือดและผ่าตัดภาวะกระดูกคอเสื่อม ตามลําดับ

ทั้งที่การผ่าตัดตามที่ระบุในใบแสดงความเห็นแพทย์ เป็นการผ่าตัดนิ้วล็อก ผ่าตัดเอ็นหัวไหล่ขวาซึ่งฉีกขาด เพราะจําเลยประสบอุบัติเหตุ ขณะพักอยู่ที่ รพ.ตํารวจ

มิใช่สาเหตุการป่วยที่อ้างใช้ส่งตัวทักษิณมาที่ รพ.ตำรวจ

การผ่าตัดกระดูกคอเสื่อม แพทย์เคยเสนอให้ผ่าตัดภายหลังจากทักษิณอยู่ รพ.ตํารวจ แต่ทักษิณปฏิเสธการผ่าตัด

ในที่สุด ก็ไม่มีการผ่าตัดกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาทแต่อย่างใด จนกระทั่งทักษิณออกจาก รพ.ตำรวจ

ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า

การบังคับโทษจําคุกทักษิณไม่ชอบด้วยกฎหมาย และตามพฤติการณ์ดังกล่าว บ่งชี้ให้เห็นว่า

ทักษิณทราบข้อเท็จจริงหรือรับรู้เหตุการณ์ได้ว่าตนไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีเพียงโรคประจําตัวซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาตัวแบบผู้ป่วยนอกได้ โดยไม่จําเป็นต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ

นอกจากนั้น ยังได้ความว่า ทักษิณเข้ามามีส่วนตัดสินใจในกระบวนการรักษาของแพทย์ โดยปฏิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจและโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท

แต่ให้แพทย์รักษาโดยการกินยาตามอาการและเลือกรับการผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวา

ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนและเป็นผลทําให้การรักษาตัวทักษิณในโรงพยาบาลตํารวจขยายระยะเวลาออกไป

ทักษิณจึงได้รับประโยชน์จากการพักอยู่ที่ รพ.ตำรวจโดยไม่ต้องกลับไปถูกคุมขังที่เรือนจําฯ จนได้รับการปล่อยตัว

และไม่อาจอ้าง “เป็นการดําเนินการของแพทย์และเจ้าหน้าที่” มิได้เกิดจากการกระทําของทักษิณเอง

เพื่อถือเอาประโยชน์จากระยะเวลาที่พักอยู่ที่ รพ.ตำรวจ มาหักวันคุมขังโทษตามคําพิพากษา

เมื่อ ๓๑ สิงหา.๖๖ มีพระบรมราชโองการพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้ทักษิณ เหลือโทษจําคุกต่อไป อีก ๑ ปี

ย่อมมีผลให้ได้รับการลดโทษ และต้องรับโทษจําคุกตามคําพิพากษาต่อไปอีก ๑ ปี นับแต่ ๓๑ สิงหา.๖๖ หามีผลทําให้การบังคับโทษจําคุกทักษิณสิ้นสุดลงไม่

เมื่อการบังคับโทษทักษิณเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่ได้วินิจฉัยมาข้างต้น กระบวนการบังคับโทษรวมทั้งการพักการลงโทษทักษิณ จึงไม่มีผลตามกฎหมาย

และไม่อาจนําเอาระยะเวลาที่พักอยู่ที่ รพ.ตํารวจมาหักเป็นวันคุมขังได้ ทักษิณจึงต้องรับโทษจําคุกอีก ๑ ปี ตามพระบรมราชโองการ

สําหรับการรักษาที่ รพ.ตำรวจ ตั้งแต่ ๒๔ สิงหา.จนถึงวันที่ทักษิณออกจากโรงพยาบาล เมื่อ ๑๘ กุมภา.๖๗ นั้น

แพทย์ รพ.ตํารวจ ออกใบแสดงความเห็นแพทย์ให้เรือนจําฯ และ ผบ.เรือนจําฯ ใช้ใบรับรองแพทย์ ฉบับลงวันที่ ๑๕ กันยา.๖๖ วันที่ ๑๘ ตุลา.๖๖ และวันที่ ๒๑ ธันวา.๖๖

เป็นหลักฐานประกอบบันทึกข้อความถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ขออนุญาตให้จําเลยพักรักษาตัวนอกเรือนจําต่อไป เกินกว่า ๓๐ วัน ๖๐ วัน และ ๑๒๐ วัน

โดยอ้างต้องรักษาแผลผ่าตัด ต้องรับการผ่าตัดเร่งด่วน ต้องรักษาสมองขาดเลือดและผ่าตัดภาวะกระดูกคอเสื่อม ตามลําดับ

ทั้งที่การผ่าตัดตามระบุในใบแสดงความเห็นแพทย์ เป็นการผ่าตัดนิ้วล็อก ผ่าตัดเอ็นหัวไหล่ขวาฉีกขาด เพราะทักษิณ ประสบอุบัติเหตุขณะพักอยู่ที่ รพ.ตำรวจ

มิใช่การป่วยเป็นเหตุอ้างใช้ส่งตัวทักษิณมาที่ รพ.ตำรวจ

และการผ่าตัดภาวะกระดูกคอเสื่อม แพทย์เคยเสนอให้ผ่าตัดภายหลังจากทักษิณอยู่โรงพยาบาลตํารวจ แต่ทักษิณปฏิเสธ

และในที่สุดก็ไม่มีการผ่าตัดกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาทของจําเลยแต่อย่างใด จนกระทั่งทักษิณออกจาก รพ.ตำรวจ

ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า…..

การบังคับโทษจําคุกทักษิณ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” และตามพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้น บ่งชี้ให้เห็นว่า

ทักษิณทราบข้อเท็จจริงหรือรับรู้เหตุการณ์ได้ว่า “ตนไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน” มีเพียงโรคเรื้อรังประจำตัวที่รักษาแบบผู้ป่วยนอกได้ โดยไม่จําเป็นต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจ

นอกจากนั้น ยังได้ความว่า “ทักษิณเข้ามามีส่วนตัดสินใจในกระบวนการรักษาของแพทย์”

โดยปฏิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจและโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท

แต่ให้แพทย์รักษาโดยการกินยาตามอาการและเลือกรับการผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวา

ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนและเป็นผลทําให้การรักษาตัวใน รพ.ตำรวจต้องขยายระยะเวลาออกไป

ทักษิณจึงได้รับประโยชน์จากการพักอยู่ที่ รพ.ตำรวจโดยไม่ต้องกลับไปถูกคุมขังที่เรือนจําฯ จนได้รับการปล่อยตัว

ไม่อาจอ้างว่า “เป็นการดําเนินการของแพทย์และเจ้าหน้าที่” มิได้เกิดจาก “การกระทํา” ของทักษิณ

เพื่อถือเอาประโยชน์จากระยะเวลาที่พักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจมาหักวันคุมขังโทษตามคําพิพากษา

เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า

เมื่อ ๓๑ สิงหา.๖๖ มีพระบรมราชโองการพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้ทักษิณเหลือโทษจําคุกต่อไปอีก ๑ ปี ตามกําหนดโทษตามคําพิพากษา ดังนี้

ย่อมมีผลทําให้ทักษิณได้รับการลดโทษ และต้องรับโทษจําคุกตามคําพิพากษาต่อไปอีก ๑ ปี นับแต่วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖

หามีผลทําให้การบังคับโทษจําคุกทักษิณสิ้นสุดลงไม่

เมื่อการบังคับโทษทักษิณเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่ได้วินิจฉัยมาข้างต้น กระบวนการบังคับโทษรวมทั้งการพักการลงโทษทักษิณจึงไม่มีผลตามกฎหมาย

และไม่อาจนําเอาระยะเวลาที่พักอยู่ที่โรงพยาบาลตํารวจมาหักเป็นวันคุมขังได้ ทักษิณจึงต้องรับโทษจําคุกอีก ๑ ปี ตามพระบรมราชโองการ

…………………………………..

เป็นอันว่า “ทักษิณครองเมือง” เปลี่ยนยุคเป็น “ทักษิณครองคุก”

เริ่มปฐมบท การเมืองสีน้ำเงิน “สร้างบ้าน-แปงเมือง”

การเมืองใหม่ “ประชาชน” ใหญ่กว่า “เงื่อนไข” การอยู่-การไปของรัฐบาล

ไม่อย่างนั้น “นายกฯ อนุทิน” ไม่จัดทีมเศรษฐกิจจี๊ดจ๊าด ถึงใจอย่างนี้หรอก!

-เปลว สีเงิน

๑๐ กันยายน ๒๕๖๘

คนปลายซอย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...