‘เชอรีน ณัฐจารี’ 2 ปีที่ต้องทนอยู่กับ ‘ไฮโซบอส’ เผยสิ่งที่ต้องเจอแลกกับคำว่า ‘ครอบครัว’
กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตาอย่างหนักในโลกโซเชียล สำหรับคู่รักมาแรง “มารี เบรินเนอร์” และ “ไฮโซบอส” หลังทั้งคู่ตกเป็นข่าวคดีเมาแล้วขับจนชื่อเสียงสั่นสะเทือน จนเรื่องราวความรักก็ถูกโฟกัสขึ้นมาอีกระลอก เมื่อ เชอรีน–ณัฐจารี หรเวชกุล อดีตภรรยาของไฮโซหนุ่ม ออกมาเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลด้วยการรีสตอรี่คลิปร้องเพลง “แฟนใหม่หน้าคุ้น” ชนิดแสบจี๊ด โดนใจชาวเน็ตที่โยงเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันแบบตรงเป๊ะ
งานนี้ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของมารีและบอสถูกจับตาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ล่าสุด เชอรีน ได้เปิดใจหมดเปลือกในรายการดังโต๊ะหนูแหม่มเผยเส้นทางชีวิตรักที่เคยผ่านมรสุมหนักหน่วง ก่อนจะตัดสินใจเดินออกมาในฐานะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว พร้อมมุมมองต่อความรักครั้งใหม่ที่ยังเชื่อมั่นว่า “รักก็คือรัก” ไม่ว่าจะเจ็บมาก่อนแค่ไหนก็ตาม โดย เชอรีน เผยว่า
"เรื่องคลิปไวรัลเพลงแฟนใหม่หน้าคุ้น ทันกับเหตุการณ์ที่เป็นข่าว คือคลิปที่ถ่ายคือเป็นเรื่องราวของเพื่อนค่ะ ที่เขาเพิ่งเจอมา แล้วเราก็รู้เรื่องราวของเพื่อน ก็เลยร้องเพลงนั้นด้วยความอินด้วยกัน แล้วเพื่อนมาลงช่วงนั้นพอดี ก็เลยเป็นประเด็นขึ้นมา เราก็รีสตอรี่ปกติไม่คิดว่าจะเป็นประเด็น ปกติไม่ค่อยได้อ่านคอมเมนต์ค่ะ คือก็มีคนมาคอมเมนต์ในช่องทางของหนูเนอะ เราก็เลื่อนผ่านๆ เพราะไม่ชอบเสพคอมเมนต์อะไรแบบนี้อยู่แล้ว ก็ไม่รู้ว่ากระแสมันเป็นยังไงเพราะปกติไม่ค่อยตามข่าวตัวเองเท่าไร"
"ที่ผ่านมาเจอเรื่องหนัก เป็นเรื่องที่คิดหนักมากกว่าค่ะ ในเรื่องของที่ว่าถ้าเราจะเดินออกมาจากความสัมพันธ์ตรงนั้น คือถ้าเป็นตัวเราเองคนเดียว เราก็จะไม่คิดอะไรหรอก อยากเดินก็เดินออกมาเลย พอเรามีน้อง เราก็ไม่รู้ว่าเราจะไปต่อยังไง ตอนที่เริ่มเรื่องครั้งแรกตอนที่โดนครั้งแรก น้องเพิ่งจะได้ประมาณ 6 เดือนเอง ซึ่งเด็กมากยังแบเบาะอยู่เลย เราเพิ่งเริ่มต้นชีวิตคู่ เลยคิดว่าลองคุยลองเปลี่ยนลองค่อยคุยกันก่อนดีมั้ย ลองพยายามดูก่อนดีมั้ย ก็ลองอดทนดูซักพักนึงสุดท้ายก็ออกมาดีกว่า"
เชอรีน เผยต่อว่า "ตอนนั้นทุกคนในบ้าน ก็เป็นห่วง และถามไถ่ว่าสบายดีมั้ย แต่ทุกคนจะรู้ว่าถ้าไม่อยากเล่า ไม่อยากได้ความช่วยเหลือ หนูจะเงียบและไม่พูดถึงเรื่องนั้นเลย เพราะหนูรู้สึกว่าหนูขอจัดการเรื่องของหนูเอง คือมันไม่ใช่ปัญหาของเขาที่ต้องมาร่วมจัดการกับเรา เราต้องจัดการของเราเอง ถ้าอยากได้กำลังใจ หรืออยากได้ความช่วยเหลือจริงๆ เราถึงจะเอ่ยปากขอ แต่ทุกคนจะถามตลอดว่าเป็นยังไงบ้าง ทุกคนก็เป็นห่วงแต่ว่าจะไม่ทำเยอะ"
"เราก็รู้สึกโอเคค่ะ เป็นฟีลที่แบบว่าทุกคนมาให้กำลังใจเราและพูดคุยด้วย ก็มีฟีลแบบพี่ๆ มาร่วมพูดคุยที่ห้องเรา โทรฯ มาถามเราว่าเป็นไงบ้างโอเคมั้ย และสเต็ปต่อไป คิดว่าจะเป็นยังไง หนูก็บอกทุกคนว่าโอเค แค่เดินออกมาจากตรงนั้นมันก็โอเคแล้ว คือโมเมนต์ที่เราเสียใจ เราทุกข์ใจ พอเราเดินออกมาแล้ว เราทิ้งทุกอย่าง เราตัดทุกอย่าง เราออกมาแล้วเราโอเคแล้ว"
เชอรีนเล่าอีกว่า "ใช้เวลาในการตัดสินใจจะทิ้งทุกอย่าง แล้วเริ่มชีวิตใหม่ อยู่ 2 ปีค่ะ ตั้งแต่ครั้งแรกถึงครั้งสุดท้าย เป็นระยะเวลา 2 ปี ถามว่า ในช่วง 2 ปีนั้นที่อดทน ต้องเจอกับอะไร ก็แล้วแต่ช่วงค่ะ ช่วงที่มีความสุขก็มี ช่วงที่แฮปปี้ก็มี ไม่ได้ทุกข์ตลอดเวลา ไม่ได้มีด้านร้ายตลอดเวลา ในเมื่อเราเลือกที่จะอยู่ในความสัมพันธ์นี้ เราก็ต้องมองในเรื่องของแง่มุมที่มีความสุข แง่มุมที่โอเคที่เรายังพออยู่ได้ เพราะเรารู้ว่าเราอยู่เพื่ออะไรและเพราะใคร"
ขอบคุณภาพจาก:โต๊ะหนูแหม่ม, cherreen.hvk