ประวัติศาสตร์ปราบโกงเกาหลีใต้ ไทม์ไลน์การเมือง วิกฤตเศรษฐกิจ และบทเรียนสำหรับไทย
ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเสมือนโรคร้ายที่กัดกินการพัฒนาของหลายประเทศทั่วโลก แต่ท่ามกลางความท้าทายนี้ ‘สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้)’ จากประเทศที่บอบช้ำด้วยสงคราม ถูกปกครองโดยเผด็จการทหาร และจมอยู่กับวัฒนธรรมคอร์รัปชันที่ฝังรากลึก กลับพลิกฟื้นตนเองสู่การเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่มาพร้อมกับกลไกการปราบปรามการทุจริตที่เข้มแข็งที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
จุดเปลี่ยนนี้มาจากไหน และเกาหลีใต้ทำได้อย่างไร?
🇰🇷 ไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์ และเส้นทางปราบโกงของเกาหลีใต้
🟡 ยุคก่อนประชาธิปไตย และรากฐานคอร์รัปชัน (ค.ศ. 1950 – 1987)
🔸สงครามเกาหลี (1950 – 1953): หลังการแยกประเทศเป็นเหนือและใต้ คิม อิลซอง ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือต้องการรวมชาติด้วยกำลังทหาร จึงได้ส่งกองทัพบุกข้ามเส้นขนานที่ 38 มายังเกาหลีใต้ สงครามดำเนินไป 3 ปี มีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน และสิ้นสุดลงด้วยข้อตกลงสงบศึก ไม่ใช่ สนธิสัญญาสันติภาพ ทั้งสองฝั่งจึงยังคงอยู่ในภาวะสงครามจนถึงปัจจุบัน
🔸รัฐประหาร และยุคแชโบล (1960 – 1970):หลังสงครามเกาหลี เศรษฐกิจ และการเมืองของฝั่งใต้ตกอยู่ในภาวะระส่ำระส่าย เต็มไปด้วยการคอร์รัปชันและความยากลำบาก นายพล พัก จองฮีจึงใช้โอกาสนี้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจเกาหลีใต้
พัก จองฮีเร่งพัฒนาเศรษฐกิจโดยการอุ้มกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ เช่น Samsung, Hyundai, LG ที่เรียกว่า ‘นโยบายแชโบล’ (Chaebol)โมเดลนี้สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็วางรากฐานของระบบทุนนิยมพวกพ้องที่รัฐบาลและกลุ่มธุรกิจเกื้อหนุนกันอย่างไม่โปร่งใส ซึ่งกลายเป็นต้นตอของปัญหาคอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง
🔸รัฐประหารซ้อน (1979): หลังจากนายพลพัก จองฮี ถูกลอบสังหาร นายพล ชุน ดูฮวาน ได้ทำรัฐประหารซ้อนเพื่อขึ้นสู่อำนาจและประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ
🔸สังหารหมู่กวางจู (พฤษภาคม 1980): ประชาชนและนักศึกษาในเมืองกวางจูซึ่งเป็นฐานเสียงของฝ่ายค้านได้ลุกขึ้นประท้วงต่อต้านอย่างหนัก รัฐบาลทหารจึงส่งกองกำลังเข้าปราบปรามอย่างเหี้ยมโหด มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหายจำนวนมาก
🔸เผด็จการยอมถอย (1987): ความโกรธแค้นของประชาชนมาถึงจุดเดือด ประชาชนนับล้านคนออกมาชุมนุมประท้วงทั่วประเทศ
การที่เกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี 1988 ทำให้รัฐบาลไม่อาจใช้ความรุนแรงได้เต็มที่เหมือนในอดีต สุดท้ายจึงต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี
🟡 ยุคประชาธิปไตยและการสร้างกลไกปราบโกง (1988 – ปัจจุบัน)
🔸การปฏิรูปครั้งใหญ่ (1992):คิม ยองซัง ประธานาธิบดีพลเรือนคนแรกได้ประกาศสงครามกับคอร์รัปชัน นโยบายสำคัญคือการบังคับให้ทุกบัญชีธนาคารและการทำธุรกรรมต้องใช้ชื่อ-นามสกุลจริงเท่านั้น เพื่อป้องกันการใช้บัญชีม้า
🔸วิกฤตต้มยำกุ้ง (1997): วิกฤตการเงินในเอเชียส่งผลกระทบต่อเกาหลีใต้อย่างรุนแรง เพราะกลุ่มแชโบลส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจโดยการกู้ยืมเงินจำนวนมหาศาลเพื่อขยายกิจการ เมื่อเศรษฐกิจทรุด รัฐบาลต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF ซึ่งมาพร้อมกับเงื่อนไขบังคับให้ต้องปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ รวมถึงการเพิ่มความโปร่งใสและหลักธรรมาภิบาลในกลุ่มบริษัทแชโบล
🔸การวางรากฐานปราบโกงเกาหลีใต้ (2001 – 2008): จัดตั้ง KICAC (คณะกรรมการอิสระต่อต้านคอร์รัปชัน) ก่อนจะปฏิรูปครั้งใหญ่ในปี 2008 โดยยุบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 แห่งเข้าด้วยกันเป็น ACRC (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและคุ้มครองสิทธิพลเมือง) เพื่อให้มีเอกภาพและอำนาจในการทำงานอย่างเต็มที่
🔸กฎหมายคิมยองรัน (ทศวรรษ 2010): มีเป้าหมายเพื่อทำลายวัฒนธรรมอุปถัมภ์ ผ่านการให้ของขวัญหรือเลี้ยงรับรองราคาแพงแก่เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง และสื่อมวลชน โดยกำหนดมูลค่าของขวัญและอาหารที่สามารถรับได้อย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางสังคมครั้งสำคัญ
🟡 ยุคทองเศรษฐกิจและการเมือง
หลังจากการต่อสู้ทางอุดมการณ์อันดุเดือด และประชาธิปไตยที่แท้จริงเบ่งบาน เกาหลีใต้ ประเทศที่เคยจมอยู่ในหล่มการเมือง ภัยสงคราม และคอร์รัปชัน กลับทะยานขึ้นสู่ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจอันดับที่ 15 ของโลก และที่ 4 ของเอเชีย
เกาหลีใต้มีคะแนนการรับรู้การคอร์รัปชันอยู่ที่อันดับที่ 30 จาก 180 ประเทศทั่วโลก และดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรมอยู่ที่ 19 จาก 142 ประเทศทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอดีตที่เคยถูกเรียกว่าเป็นดินแดนแห่งการติดสินบนและการคอร์รัปชัน
เกาหลีใต้สามารถเอาผิดกับคดีคอร์รัปชันของบุคคลระดับสูงของประเทศได้จริง ตัวอย่างเช่น
🔸ปี 2024: ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ถูกยื่นฟ้องในข้อหาก่อการกบฏและใช้อำนาจโดยมิชอบ และเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกจับกุมขณะดำรงตำแหน่ง
🔸ปี 2021: อี แจ ยง ทายาทซัมซุง ถูกกล่าวหาว่าให้สินบนและถูกตัดสินจำคุก
🔸ปี 2021: ประธานาธิบดีพัค กึน ฮเย ถูกถอดถอนจากตำแหน่งและถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ในข้อหาคอร์รัปชันและละเมิดอำนาจ
ซึ่งการลงดาบอย่างเด็ดขาดนี้ เป็นผลมาจากการจัดตั้งสำนักงานสืบสวนการทุจริตสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูง (CIO) ที่มีอำนาจในการสอบสวนและดำเนินคดีโดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลหรือสภา
🇹🇭 ประเทศไทยเรียนรู้อะไรจากเกาหลีใต้ได้บ้าง?
🟡 ออกกฎหมายให้ชัด เข้ม และครอบคลุม
มีกฎหมายห้ามรับของขวัญที่ใช้ได้จริง เพื่อป้องกันระบบอุปถัมภ์ รวมถึงคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสแบบรัดกุม ทั้งไม่เปิดเผยตัวตนและมีการเยียวยา
🟡 สร้างหน่วยงานอิสระ ที่บูรณาการการทำงาน
มีองค์กรเดียวที่รับผิดชอบเรื่องร้องเรียน อุทธรณ์ และปราบโกงครบวงจร ซึ่งต้องเป็นอิสระจากการเมือง และทำงานภายใต้กฎหมายชัดเจน
🟡 ใช้เทคโนโลยีลดช่องโกง เพิ่มความโปร่งใส
ใช้ระบบ E-Government ลดการพบปะตรง ลดโอกาสสินบน ในระบบ Open Data ที่เปิดเผยข้อมูลบริการรัฐอย่างเป็นระบบ เชื่อมโยงทุกแพลตฟอร์ม
🟡 บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ไม่เลือกปฏิบัติ
ต้องสามารถเอาผิดผู้กระทำผิดได้แม้เป็นผู้นำระดับสูงหรือกลุ่มทุนใหญ่
🟡 สร้างวัฒนธรรมไม่ทนต่อการโกง
ส่งเสริมให้ภาคประชาชนมีบทบาทตรวจสอบรัฐ รวมถึง Empower ให้ภาคประชาสังคมเป็นพลังสำคัญในการผลักดันกฎหมาย
🟡 ปรับตัวต่อเนื่อง ไม่หยุดที่แค่ ‘มีกฎหมาย’
จะต้องคุมเข้มกลุ่มทุนขนาดใหญ่และผลประโยชน์ทับซ้อน พัฒนากลไกติดตามผลให้เร็ว มีประสิทธิภาพ และโปร่งใส