AnyMind ปลดล็อกไลฟ์คอมเมิร์ซ เปิดตัว AI Avatar ไลฟ์ไม่ต้องพัก
ไลฟ์คอมเมิร์ซ (Live Commerce) หรือการซื้อขายสินค้าผ่านไลฟ์ กลายเป็น “อีคอมเมิร์ซ” กระแสหลัก ที่แทรกซึมอยู่ในวิถีการช็อปของผู้คน โดยในฝั่งของแบรนด์ก็หันมาทุ่มทรัพยากรทั้งเงิน และเวลา ผลักดันยอดขายจากการ “ไลฟ์” เต็มกำลัง ช่วงที่ผ่านมา หลายแบรนด์ใช้กลยุทธ์ไลฟ์แบบมาราธอนยิงยาวต่อเนื่องหลายชั่วโมง เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการคว้าเงินจากกระเป๋าลูกค้าแม้แต่วินาทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การไลฟ์แต่ละครั้งมาพร้อมต้นทุนมหาศาล ตั้งแต่ค่ายิงโฆษณาไปจนถึงค่าจ้างคนหน้ากล้องที่ต้องคอยสื่อสารกับผู้ชม ซึ่ง“คน” ก็มีขีดจำกัด ไม่สามารถไลฟ์แบบมาราธอนโดยไม่หยุดพักได้
ล่าสุด “AnyMind Group” ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับการดำเนินธุรกิจ (BPaaS) ด้านการตลาด และอีคอมเมิร์ซ ได้เปิดตัว “AnyLive for Creators” แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ครีเอเตอร์ และแบรนด์ สร้างอวตาร AI (AI Avatar) เพื่อต่อยอดการทำคอนเทนต์ และไลฟ์แบบ 24/7
สแกนตลาดไลฟ์คอมเมิร์ซ
“ศิวัตม์ วิลาสศักดานนท์” กรรมการผู้จัดการ AnyMind Group ประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา เปิดเผยว่า จากข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาด Grand View Research ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2024-2030 ตลาดไลฟ์คอมเมิร์ซทั่วโลก มีโอกาสเติบโตเฉลี่ยปีละ 32%
โดยในปี 2024 ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกครองส่วนแบ่งตลาดถึง 66% ส่วนประเทศไทยเป็นตลาดอันดับต้น ๆ ของภูมิภาคที่มีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี และคาดว่าในปี 2026 มูลค่าตลาดไลฟ์คอมเมิร์ซในประเทศไทยจะแตะ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (3.24 หมื่นล้านบาท)
“ถ้าเปรียบเทียบตลาดในประเทศที่ผมดูแลอยู่ แม้ไทยจะมีประชากรน้อยกว่าฟิลิปปินส์ แต่มีความโดดเด่นในตลาดไลฟ์คอมเมิร์ซมากกว่า รวมถึงกำลังซื้อยังดีกว่าด้วย”
สาเหตุที่ไลฟ์คอมเมิร์ซขยายตัวต่อเนื่อง มาจากความสามารถในการช่วยให้แบรนด์สินค้าตอบข้อซักถาม และปิดการขายกับลูกค้าได้ทันที และทำให้เกิดยอดขายมากกว่าช่องทางอีคอมเมิร์ซทั่วไป 4-5 เท่า
สำหรับ Top 3 หมวดหมู่สินค้าขายดีบนไลฟ์ในประเทศไทย คือ 1.อาหาร และเครื่องดื่ม 2.ความงาม และการดูแลตนเอง และ 3.สุขภาพ
เน้นไลฟ์แบบ “Shop & Chill”
เทรนด์ไลฟ์คอมเมิร์ซน่าจับตาในปีนี้ คือ “Shop & Chill” หรือการที่นักขายไลฟ์แบบสบาย ๆ และมีการทำกิจกรรมอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น แต่งหน้า ทำงาน และเดินเที่ยว
“สินค้าในกลุ่มรถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ และโรงแรม ก็เริ่มใช้ไลฟ์คอมเมิร์ซมากขึ้น เพื่อสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง”
ในฝั่งของ TikTok เองก็เปิดตัวเครื่องมือใหม่ “GMV Max” ที่มี AI เข้ามาช่วยประมวลผลว่าช่วงไหนคนซื้อสินค้าเยอะ โดยระบบจะยิงโปรโมชั่นไปที่ผู้ใช้ เพื่อดึงให้คนมาซื้อสินค้าบนไลฟ์ หรือวิดีโอติดตะกร้าของครีเอเตอร์ เพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายมากขึ้น
“ศิวัตม์” พูดถึงความท้าทายในการทำไลฟ์คอมเมิร์ซด้วยว่า มี 3 เรื่องหลัก ๆ ได้แก่ 1.การหาพิธีกรหน้ากล้องที่ใช่ 2.เวลาในการทำงานของคนที่มีขีดจำกัด และ 3.ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไป
“ข้อจำกัดเรื่องขีดความสามารถในการทำงานของมนุษย์ ทำให้แบรนด์เสียโอกาสในการสร้างยอดขายค่อนข้างเยอะ โฮสต์อาจขึ้นไลฟ์ช่วงพีกไทม์ เช่น หลังเลิกงานได้เต็มที่ 2-3 ชั่วโมง แต่จริง ๆ มีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อสินค้าช่วงดึก ๆ ด้วย เพราะพฤติกรรมคนวัยทำงานส่วนใหญ่จะว่างในช่วงเวลานั้น”
AnyLive for Creators
ข้อจำกัดดังกล่าว เป็นปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ และครีเอเตอร์เริ่มมองหาโมเดลการไลฟ์แบบ “ไฮบริด” หรือการผสมผสานระหว่าง “คน” กับ “AI Avatar” อย่างมีกลยุทธ์ และเหมาะสมกับประเภทสินค้า เช่น ใช้คนไลฟ์ช่วงที่มีคนดูเยอะ ๆ เพื่อให้เกิดการตอบข้อซักถามแบบเรียลไทม์ และใช้ AI Avatar ในช่วงที่คนดูไม่เยอะแทน
และ“AnyMind Group” จึงเปิดตัว AnyLive for Creators เพื่อเป็นตัวช่วยให้แบรนด์ และครีเอเตอร์สร้าง AI Avatar สำหรับไลฟ์ขายสินค้าที่ช่วยลดต้นทุนการไลฟ์ได้มากกว่าครึ่ง
ปัจจุบัน AnyMind Group มีเครือข่ายครีเอเตอร์ YouTube ในไทยกว่า 1,000 ช่อง และ TikTok ประมาณ 500 ราย ส่วนใหญ่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ระดับ Nano และ Micro (ผู้ติดตามหลักพันถึงหลักหมื่น) ซึ่งครีเอเตอร์ TikTok ในเครือข่ายกว่า 80% เป็นสายทำคอนเทนต์ Affiliate อย่างเดียว
“เราเริ่มเข้าไปคุยกับครีเอเตอร์ Top-Tier ที่มีผู้ติดตามหลักล้านคน เพื่อชักชวนให้มาสร้าง AI Avatar ของตนเอง และต่อยอดโอกาสทางธุรกิจผ่านโมเดล Revenue Sharing ซึ่งครีเอเตอร์คนแรกที่มีการเปิดตัวในโปรเจ็กต์นี้ คือ คุณหนุ่ย BT Beartai (พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์)”
กรณีศึกษาแบรนด์ในไทย
“ศิวัตม์” กล่าวต่อว่า ปัจจุบันแบรนด์ที่ใช้โซลูชั่น AnyLive ในการสร้างนักขาย AI Avatar ส่วนใหญ่ยังเป็นแบรนด์ใหญ่ หรือในระดับคอร์ปอเรต
“AnyMind Group ลงทุนกับโซลูชั่นต่าง ๆ ค่อนข้างเยอะ จึงต้องมองเรื่องของโอกาส และความเป็นไปได้ทางธุรกิจก่อน เมื่อมีกรณีศึกษาแบรนด์ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ ก็จะนำมาต่อยอดกับแบรนด์ระดับกลางหรือเล็กได้”
ตัวอย่างแบรนด์ไทยที่ใช้โซลูชั่น AnyLive ในการไลฟ์ขายสินค้าบนช่องทางต่าง ๆ แล้ว ได้แก่ น้ำแร่เอเวียง (Evian) ใช้ AI Avatar ไลฟ์ไปแล้วกว่า 800 ชั่วโมง ทำยอดขายจากการไลฟ์ได้มากขึ้น 3.5 เท่า ใน 9 สัปดาห์ รวมถึงทำให้ต้นทุนรายชั่วโมงลดลงจากการใช้คนไลฟ์ 90%
ถัดมาเป็นชุดชั้นในเวียนนา (Wienna) แบรนด์ลูกของวาโก้ (Wacoal) ใช้ AI Avatar ไลฟ์ไปแล้วกว่า 240 ชั่วโมง และสร้างยอดขายได้มากกว่าเดิม 2 เท่า ในช่วง 2 สัปดาห์ อีกแบรนด์คือ บีไนซ์ (BeNice) ใช้ AI Avatar ไลฟ์ไปแล้วกว่า 1,200 ชั่วโมง สร้างยอดขายจากการไลฟ์มากขึ้น 272% มีผู้ติดตามร้านค้าเพิ่มขึ้น 402% ด้วย
“โซลูชั่น AnyLive ไลฟ์ได้กับทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada และ TikTok เราจะดูจากยอดขายและดาต้าหลังบ้าน พร้อมแนะนำแบรนด์ว่าควรทุ่มน้ำหนักการไลฟ์ไปที่แพลตฟอร์มใด”
ผู้บริหาร AnyMind Group ทิ้งท้ายด้วยว่า ภายในปีนี้ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมีแบรนด์ต่าง ๆ เข้ามาใช้โซลูชั่นดังกล่าวมากกว่า 100 แบรนด์ รวมทั้ง 15 ประเทศที่บริษัทเข้าไปทำตลาด
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : AnyMind ปลดล็อกไลฟ์คอมเมิร์ซ เปิดตัว AI Avatar ไลฟ์ไม่ต้องพัก
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net