ยอดขายรถในประเทศ ก.ค. เพิ่มแตะ 4.9 หมื่นคัน คนแห่ซื้อรถอีวีแซงหน้ารถน้ำมัน หลังราคาปรับลงให้เข้าถึงมากขึ้นดันยอดขายแตะที่ 9,304 คัน เพิ่มขึ้น 36.12% สวนทางส่งออกรถวูบ 17.76%
BTimes
อัพเดต 25 สิงหาคม 2568 เวลา 22.42 น. • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Bizนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เดือนกรกฎาคม 2568 มีจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ทั้งสิ้น 110,616 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ที่ 15.06% และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ 11.39% การผลิตลดลงที่ค่อนข้างมากโดยเฉพาะรถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมันซึ่งลดลงถึง 31.8% จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกบางรุ่น
รถกระบะยังคงผลิตลดลงทั้งผลิตขายในประเทศและผลิตส่งออกที่ลดลง 6.54% และ 8.61% ตามลำดับตามยอดขายในประเทศและยอดส่งออกที่ลดลงจากความไม่แน่นอนในการค้าโลก ทำให้ยอดการผลิตรถยนต์ 7 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม – กรกฎาคม 2568) มีจำนวน 835,331 คัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วลดลง 5.73%
ในส่วนของยอดขายรถยนต์ภายในประเทศอยู่ที่ 49,102 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ที่ 1.95% แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ 5.84% เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 เดือน เพราะยอดขายรถยนต์นั่งโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาเข้าถึงได้มากกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน ส่วนรถกระบะยังคงขายลดลงต่อเนื่องมากว่า 30 เดือนเหลือแค่ 11,022 คัน ลดลง 16.3% ( ปี 2562 ก่อนโควิด 19 รถกระบะขายในประเทศเฉลี่ยเดือนละ 35,973 คัน เท่ากับ 35.70 % ของยอดขายรวม 1,007,552 คัน)
เนื่องจากความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถกระบะจากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงและเศรษฐกิจในประเทศที่ยังขยายตัวในอัตราต่ำร้อยละ 2.8 ในไตรมาส 2/2568 การลงทุนของเอกชนเติบโตแค่ 4.1% สาขาอุตสาหกรรมเติบโตแค่ 1.7% นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนลดลงมาก ทำให้สาขาพักแรมและอาหารเติบโตเพียง 2.1% คงต้องติดตามการลงทุนของเอกชน การท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนต่อไป คาดหวังงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตมากขึ้นจากปัจจุบัน ทำให้เห็นตัวเลข 7 เดือนที่ผ่านมา จึงมียอดขาย 351,796 คัน ลดลงจากก่อน 0.74%
" ส.อ.ท. ขอบคุณ กนง. ที่มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงช่วยให้ผู้กู้ลดภาระจ่ายดอกเบี้ยลง ทำให้ชำระคืนเงินกู้ได้มากขึ้น หนี้ครัวเรือนจะได้ลดลง และขอบคุณทีมไทยแลนด์ที่เจรจากับทีมงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จนได้อัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสหรัฐอเมริกา 19% ซึ่งน่าจะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศได้มากขึ้นเพื่อส่งออกและสร้างงานสร้างรายได้ให้คนไทยมากขึ้น หนี้ครัวเรือนจะได้ลดลงจากการชำระหนี้ ไม่ใช่ลดลงเพราะสถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อซึ่งลดลงมาหลายไตรมาสแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ภาษีทรัมป์ของไทยที่ 19% ดูจะเสียเปรียบเวียดนามที่ 20% เมื่อเงินด่องเวียดนามอ่อนค่ามาก"
สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกรกฎาคม 2568 จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 12,124 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วที่ 45.51% ดังนั้น 7 เดือน จึงมีไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 81,179 คัน เพิ่มขึ้น 35.08%