เปิดประสบการณ์ ‘เฉวียนโจว’ เมืองท่ามรดกโลกแห่งฝูเจี้ยน ศูนย์กลางเส้นทางสายไหมทางทะเล
เปิดประสบการณ์ ‘เฉวียนโจว’ เมืองท่ามรดกโลกแห่งฝูเจี้ยน ศูนย์กลางเส้นทางสายไหมทางทะเล
มณฑลฝูเจี้ยนทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของจีน คือหนึ่งในดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องทางการค้าทางทะเลมาตั้งแต่โบราณ เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมทางทะเล (Maritime Silk Road) ส่งออกสินค้าและวัฒนธรรมจีนออกไปยังทั่วทุกแขนงของทวีปเอเชีย
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับเมืองสำคัญของมณฑลฝูเจี้ยนอย่าง เซี่ยเมิน หรือ ฝูโจว มากกว่า หากแต่ว่าเมืองที่อยู่ระหว่าง 2 เมืองนี้ ที่มีชื่อว่า ‘เฉวียนโจว’ กลับมีความสำคัญและมีชื่อเสียงในเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์และบทความที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางสายไหมทางทะเลที่โดดเด่นกว่าใคร จนขึ้นชื่อได้ว่าเป็น ‘ศูนย์กลางการเชื่อมโยงระหว่างจีนกับโลกภายนอก’
เฉวียนโจว เคยได้รับการขนานนามว่า “เมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกตะวันออก” ช่วงศตวรรษที่ 10–14 เนื่องจากเป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญในการค้าขายเครื่องถ้วย เซรามิก ผ้าไหม เครื่องหอม และสินค้าหรูหราจากจีนไปยังตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกา จนกลายเป็นแหล่งศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่สำคัญของจีนที่มาพร้อมกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนทางการค้า
[ถนนจงชาน เอกลักษณ์สถาปัตยกรรมแบบฮกเกี้ยน ต้นกำเนิดอาคารตึกแถวสไตล์ ชิโน-โปรตุกีส]
ที่แรกที่สำนักข่าวทูเดย์ได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมคือ ย่านเมืองเก่าบริเวณถนนจงซาน ที่มีจุดเด่นคืออาคารตึกแถวที่สร้างในแบบสถาปัตยกรรมแบบฮกเกี้ยน หรือที่เรียกว่า ‘เตี่ยวชู่’ ในภาษาฮกเกี้ยน
ข้อมูลจากไกเ์ท้องถิ่นที่ถีบสามล้อพาทีมข่าวนั่งชมเมืองระบุว่า อาคารตึกแถวแบบี้เป็นสถาปัตยกรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าของเมืองเฉวียนโจว โดยอาคารตึกแถวนั้นได้รับความนิยมจากการย้ายถิ่นฐานของชาวฮกเกี้ยนเข้ามาในเมืองใหญ่เพื่อทำมาค้าขาย จึงต้องการอาคารเพื่ออยู่อาศัยขนาดย่อมและยังสามารถทำมาค้าขายได้ด้วยในตัวจึงเป็นที่มาของ ‘เตี่ยมชู่’ ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
ร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าของเมืองเฉวียนโจวพบเห็นได้จาก สถาปัตยกรรมในรูปแบบเดียวกันนี้ที่พบได้ในหลายเมืองท่าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาทิเช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อีกทั้งยังเป็นต้นแบบของอาคารแบบ ชิโนโปรตุกีสที่พบเห็นได้ในเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย
ความแพ่หลายของสถาปัตยกรรมแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าเมือเฉวียนโจวนั้นเป็นศูนย์กลางทางการค้าหรือนครพาณิชย์ ที่ส่งออกไม่ใช่แค่สินค้ายอดนิยมอย่าง เซรามิค หรือ ผ้าไหม แต่ยังได้ส่งต่ออิทธิพลทางวัฒนธรรมของชาวจีนฮกเกี้ยนโพ้นทะเลสู่ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์อีกด้วย แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันกันมาอย่างช้านานระหว่าง 2 ภูมิภาค
[‘บ้านเปลือกหอยนางรม’ กับ ‘มงกุฎดอกไม้’ แห่งหมู่บ้านซวินปู่]
อีกหนึ่งสถานที่ที่เน้นย้ำถึงความรุ่งเรืองทางการค้าของเมืองเฉวียนโจวเป็นอย่างมากคือ ‘หมู่บ้านซวินปู่’ หมู่บ้านชาวประมงโบราณที่ยังสืบสานประเพณีการใส่เครื่องประกับดอกไม้แบบโบราณและบ้านที่ก่อกำแพงด้วยเปลือกหอยนางรม แสดงให้เห็นถึงความมั่งมีและอุดมสมบูรณ์ของหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเมืองท่าการค้าที่สำคัญของจีน
ที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวประมงดั้งเดิมแต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒณธรรมที่สำคัญของเมืองเฉวียนโจว สิ่งที่เป็นจุดเด่นแก่นักท่องเที่ยวของหมู่บ้านซวินปู่คือ ‘บ้านเปลือกหอยนางรม’ สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่ผสานวิถีชีวิตประมงเข้ากับภูมิปัญญาการก่อสร้างอย่างน่าทึ่ง
บ้านเหล่านี้สร้างขึ้นโดยใช้ เปลือกหอยนางรมจริงๆเป็นวัสดุตกแต่งกำแพง ก่อเรียงซ้อนแน่นสลับกับอิฐและหิน ก่อให้เกิดลวดลายธรรมชาติที่งดงาม ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว ยังมีคุณสมบัติพิเศษในการเก็บความเย็น ทนลมทะเล กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนการอยู่ร่วมกับทะเลของผู้คน
อีกทั้งท่ามกลางกำแพงหอยโบราณ หญิงชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างสวมใส่ มงกุฎดอกไม้ หรือ ซาน ฮั้ว เว้ยหรือที่แปลว่าดอกไม้บนศีรษะ เดินผ่านตรอกเล็กๆ ให้ภาพเหมือนงานศิลป์ที่มีชีวิต เป็นการผสมผสานระหว่าง สถาปัตยกรรมและประเพณีแบบดั้งเดิม
ในปี 2023 นักแสดงชาวจีนชื่อดัง จ้าว ลี่อิ่ง (Zhao Liying)สวมใส่ ‘มงกุฎดอกไม้’ ปรากฏในโซเชียล ทำให้เกิดกระแสไวรัลทันที จากหมู่บ้านเงียบเหงากลายเป็นจุดหมายท่องเที่ยว มีร้านทำผมและให้เช่ามงกุฎดอกไม้กว่า 150 แห่งเกิดขึ้นพร้อมจำนวนผู้มาเยือนสูงถึงหลักหมื่นต่อวันช่วงวันหยุด
มงกุฎดอกไม้ทรงประณีตประดับอยู่บนเกลียวมวยผมทรงหอยทะเล คือเอกลักษณ์ของผู้หญิงซวินปู่ ที่ถูกสืบทอดมากว่า 800 ปี ถือเป็นสัญลักษณ์ของความงาม ความสุข และมีโชคดีในชีวิต หมู่บ้านเปลือกหอย ‘ซวินปู่’ จึงถูกยกให้เป็น “พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต”แห่งเมืองท่าโบราณ ‘เฉวียนโจว’ อย่างแท้จริง
ทุกวันนี้ เฉวียนโจวยังคงรักษาบทบาทในฐานะ เมืองท่าที่สำคัญทางเศรษฐกิจของจีนและเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมในมณฑลฝูเจี้ยนอย่างไม่เสื่อมคลาย เมืองแห่งนี้เป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเฉพาะ สิ่งทอ รองเท้า และการค้าระหว่างประเทศที่สะท้อนความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจซึ่งสืบเนื่องมาตั้งแต่ยุครุ่งเรืองของเส้นทางสายไหมทางทะเล
พร้อมกันนั้น เฉวียนโจวยังกลายเป็น จุดหมายท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก นักเดินทางที่มาเยือนจะได้สัมผัสทั้ง ร่องรอยความทรงจำของเส้นทางสายไหมทางทะเลผ่านวัด ศาสนสถาน บ้านเรือนเก่าแก่ และมรดกโลกยูเนสโก ตลอดจนสัมผัสกับ วิถีชีวิตร่วมสมัยที่หลอมรวมทั้งความเก่าและใหม่เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน
สำหรับนักท่องเที่ยวไทย เฉวียนโจวจึงไม่ใช่เพียงเมืองท่าริมฝั่งทะเลจีน แต่คือ “สะพานเชื่อมวัฒนธรรมและการค้า”ที่บอกเล่าเรื่องราวจากอดีตสู่ปัจจุบัน และยังคงเป็น เสน่ห์แห่งฝูเจี้ยนที่รอให้เราไปค้นหาและสัมผัสด้วยตนเอง