โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“เทพมนตรี” ร่อน จม.เปิดผนึกถึงอธิบดี ค้านกอด MOU43 ย้ำใช้ไม่ได้ผล เป็นเหตุต้องรบกัน ชี้แผนที่ 1/200,000 เก๊

Manager Online

เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

“เทพมนตรี” ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ชี้ข้ออ้าง MOU43 มีประโยชน์ สวนทางความเป็นจริงที่ใช้ไม่ได้ผล เขมรละเมิดมาตลอด ไทยต้องประท้วง 600 กว่าครั้ง สุดท้ายก็ต้องรบกัน ย้ำแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เป็นแผนที่เก๊ ไทยไม่ยอมรับตั้งแต่คดีประสาทพระวิหาร ถ้ายกเลิกก็ยังมีรายงานการประชุม บันทึกวาจา แผนที่กํากับหลักเขตแต่ละหลักเขต มาตราส่วน 1/1,000-10,000 ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1907 ใช้แทนได้

วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกแสดงความไม่เห็นด้วยต่อคําชี้แจงของนายเบญจมินทร์ สุกาญจน์จที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยการสํารวจและจัดทําหลักเขตแดนทางบก ปี พ.ศ.2543 หรือ MOU43 ซึ่งนายเบญจมินทร์ อ้างว่ายังมีประโยชน์ ทำให้ไทยได้เปรียบกัมพูชา เพราะมีข้อตกลงห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ ไทย-กัมพูชาต้องร่วมมือกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่เพื่อจัดสำรวจ-ทำแผนที่ใหม่ร่วมกัน และไม่ดึงประเทศที่ 3 มาแก้ปัญหา 2 ประเทศ พร้อมยังเตือนว่าถ้ายกเลิก MOU43 ก็จะหนีแผนที่ 1 : 200,000 ไม่พ้น

เนื้อความในจดหมายเปิดผนึกของนายเทพมนตรี ระบุว่า ทุกวันนี้ประชาชนจํานวนมากรู้จักและได้เห็นเอกสารหลักฐานต้นร่างของการจัดทําบันทึกความเข้าใจฯ ที่ว่านี้แล้ว จากหนังสือลงวันที่ 9 มิถุนายน 2543 ที่หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ถึงนายกรัฐมนตรีนายชวน หลีกภัย และบันทึกข้อความลงวันที่ 12 มิถุนายน 2543 ที่นายวรากรณ์ สามโกเศศ เสนอนายกรัฐมนตรีนายชวน หลีกภัย และได้รับคําอนุมัติในการเดินทางไปกัมพูชาเพื่อลงนามกับ กัมพูชา รวมถึง MOU43 ทั้ง 3 ฉบับ ไทย อังกฤษ กัมพูชา

ประชาชนจํานวนมากได้แลเห็นพฤติกรรมการปกปิดเอกสารของกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย นับตั้งแต่ พ.ศ.2543 จนถึงปัจจุบันในเรื่องแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 โดยมีความพยายามไม่พูดถึงและหลีกเลี่ยง บ่ายเบี่ยงออกไปเรื่องอื่น และโดยเฉพาะการแสดงความเห็นหรือคําอธิบายจากคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฝ่ายไทย หรือที่เราเรียกว่า JBC (Thai) ซึ่งมักจะปกปิดข้อมูล ฉ้อฉลต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญมีพฤติกรรมมองประชาชนเป็นคนโง่ รู้ไม่เท่าทัน และมีวิธีอธิบายเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายกัมพูชาเป็นอันมาก รวมถึงที่ท่านอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ อธิบายอยู่นี้ก็เอื้อประโยชน์เป็นอันมากต่อฝ่ายกัมพูชา เราได้เปรียบกัมพูชาอย่างไรก็ไม่มีคําอธิบายที่ชัดแจ้งตามที่แถลง และถ้อยแถลงของท่านนั้นย่อมนําพาประเทศไทยไปหลงกลเกมฝ่ายกัมพูชาซึ่งอาจน่าไปเป็นหลักฐานประกอบในคดีที่ฝ่ายกัมพูชากําลังยื่นต่อศาลโลกได้ ผมจึงมีความไม่เห็นด้วยในการคงไว้ซึ่ง MOU43 ดังเหตุผลและข้อโต้แย้งดังต่อไปนี้

1.เรื่องแผนที่มาตราส่วน 1:200,000

ข้อวิจารณ์ : ท่านอธิบดีไม่เคยพูดถึงประวัติศาสตร์ของแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่อ้างว่าเป็นผลงานของคณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีนฝรั่งเศส ตามอนุสัญญา ค.ศ.1904 และสนธิสัญญา ค.ศ.1907 แต่ท่านแถลงเพื่อให้คนไทยสมยอมตามที่ปรากฏใน MOU43 ข้อ ค.ควาย ผมไม่ทราบว่าท่านได้ใส่ใจหรือเล่าเรียนมาทางประวัติศาสตร์มากน้อยเพียงใด เช่น ท่านได้ศึกษาไหมว่า ในคดีปราสาทพระวิหารที่ศาลโลกพิพากษาตัดสินให้กัมพูชามีอํานาจอธิปไตยเหนือตัวปราสาทพระวิหารเมื่อ พ.ศ.2505 และไทยต้องปฏิบัติตามคําพิพากษาด้วยการไปล้อมรั้วลวดหนาม 150 ไร่ เราส่งหนังสือสงวนสิทธิ์ที่จะเรียกคืนตัวปราสาทเพราะศาลโลกตัดสินผิด ใช้กฎหมายปิดปากล่อลวงเรา และต่อมาเราต้องถอนทหารออกจากพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารไปในการตีความคําพิพากษาอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2556

ในระหว่างการต่อสู้คดีในศาลโลก พ.ศ.2503-2505 กระทรวงการต่างประเทศและทีมทนายความของไทย ต่างต่อสู้ว่าแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ไม่ได้เป็นผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนสยาม-อินโดจีนฝรั่งเศส ตามอนุสัญญา ค.ศ.1904 และสนธิสัญญา ค.ศ.1907 และอย่างน้อยผู้พิพากษา 3 ท่านใน 9 ท่าน เห็นด้วยกับคําโต้แย้งของไทย ศาลโลกเองก็ไม่มีอํานาจตัดสินเรื่องเขตแดนและในที่สุดตั้งแต่นั้นมาเราไม่เคยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 แต่อย่างใด แต่การยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ท่านควรอธิบายว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ สมัยไหนและนําไปใช้กับประเทศใดนอกจากที่นํามาใช้เป็นพื้นฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา และการนํามาใช้นั้นได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาไทยหรือไม่เพราะแผนที่ 1:200,000 นั้นไม่ลงรอยกับสภาพภูมิศาสตร์อันแท้จริงและขัดต่อข้อบทในอนุสัญญา ค.ศ.1904 โดยเฉพาะ “สันปันน้ำบนเทือกเขาพนมดงรัก” ที่กําหนดให้เป็นเส้นเขตแดน โดยมีตัวอย่างความไม่ลงรอยของแผนที่ เช่น กรณีปราสาทพระวิหารและภูมะเขือ เป็นต้น

2.ตามที่ท่านแถลงอย่างมั่นใจว่า “ประเทศไทยได้เปรียบจาก MOU43 เนื่องจาก MOU43 เป็นการกําหนดกรอบความตกลง และกลไกการปักปันเขตแดน เพื่อร่วมกันสํารวจ-จัดทําหลักเขตแดน เพื่อให้ได้แผนที่ ที่นํามาใช้ได้จริง โดยใช้หนังสือสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 เป็นเอกสารประกอบ เนื่องจากหนังสือสัญญาดังกล่าวได้พูดถึงคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพื่อให้ไปทําแผนที่ตามหลักสันปันน้ำ แม่น้ำ และ แนวเส้นตรง รวมถึงยังมีเอกสารอื่น ๆ เช่น แผนที่ที่จัดทําขึ้นตามผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดน และ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้อนุสัญญาฉบับปี ค.ศ.1904 และ 1907 ระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส จึงเป็นที่มาของ MOU43 และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ไทย-กัมพูชา”

ข้อวิจารณ์ : จากที่ท่านได้แถลงอย่างมั่นใจเช่นนี้ ท่านไม่ลงรายละเอียดในประเด็นที่ว่า คณะกรรมการปักปันเขตแดน มีจํานวน 2 ชุดตามอนุสัญญา ค.ศ.1904 และสนธิสัญญา ค.ศ.1907 ในรายงานการประชุมของคณะกรรมการปักปันชุดแรกเมื่อมีการสํารวจและปักปันเสร็จสิ้นได้มอบหมายให้ฝ่ายฝรั่งเศสไปทําแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 จํานวน 11 ระวาง และเมื่อพิมพ์เสร็จแล้วจะต้องนําแผนที่เข้าที่ประชุมของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเสียก่อน ปรากฏว่าแผนที่ทั้ง 11 ระวางไม่เคยเข้าที่ประชุมซึ่งนี่คือความจริงที่ไทยเราเคยต่อสู้ในคดีปราสาทพระวิหาร และไม่เคยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ทั้ง 11 ระวางที่ว่ามานี้ เพราะไม่ได้เป็นผลงานคณะกรรมการปักปันเขตแดนฯ

ส่วนคณะกรรมการปักปันเขตแดน ชุดที่ 2 ตามข้อบทสนธิสัญญา ค.ศ.1907 ซึ่งสํารวจและจัดทําหลักเขตแดน โดยการสํารวจและปักปันเขตแดนมี “บันทึกวาจา โครงร่างแผนที่มาตราส่วน 1:1,000-10,000 กํากับทีละหลักเขตเพื่อใช้เป็นหลักฐานการถูกเคลื่อนย้ายสูญหายหรือการถูกทําลาย การปักหลัก 74 หลักเขตเสร็จสิ้น จากช่องสงําเป็นเขตแดนหลักที่ 1 ไปจนถึงบ้านหาดเล็กเป็นหลักเขตแดนที่ 73 (ที่ว่าหลักเขตมีทั้งหมด 74 หลักเขตนั้นก็เป็นเพราะหลักเขตที่ 22 และ 22B มี 2 หลักเขตติดต่อกัน) จากรายงานการประชุมได้มีการจัดทําแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 และต่อเนื่องจากคณะกรรมการปักปันชุดแรกจํานวน 5 ระวาง เรียงตามระวางหมายเลข 1-5 โดยระบุว่าจะต้องลงตําแหน่งเครื่องหมายแสดงหลักเขตบนแผนที่ด้วย และเมื่อพิมพ์แผนที่เสร็จ แล้วจะต้องนําเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ปรากฏว่าแผนที่ 5 ระวางเมื่อพิมพ์เสร็จไม่ปรากฏเครื่องหมายแสดงตําแหน่งหลักเขตทั้ง 74 หลักและไม่ได้เข้าที่ประชุม

แผนที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดน มาตราส่วน 1:200,000 ตามที่ท่านอธิบดีกล่าวถึงว่าเป็นผลงานของคณะกรรมการฯตามอนุสัญญาและสนธิสัญญาจึงสมควรเป็น “แผนที่เก๊ ไม่ถูกต้อง และเราไม่เคยยอมรับในการไปต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร”

3. ท่านอธิบดียังอธิบายต่อไปว่า “หน้าที่ของคณะกรรมาธิการ JBC ไทย-กัมพูชาว่า มีหน้าที่สํารวจจัดทําหลักเขตแดน ทําแผนแม่บทกําหนดอํานาจหน้าที่ กําหนดความเร่งด่วนของพื้นที่ และมอบหมาย และกํากับ ของคณะอนุกรรมาธิการเทคนิค หรือ JTSC ผู้ที่ลงพื้นที่ เพื่อสํารวจเขตแดน และพิสูจน์ตําแหน่งที่แน่ชัดของหลักเขตแดนทั้ง 74 หลักเพื่อจัดทําแผนที่ รวมถึงการพิจารณารายงาน และข้อเสนอของคณะกรรมาธิการ เทคนิค และที่สําคัญคือการผลิตแผนที่ที่ไทย-กัมพูชาสามารถนํามาใช้ร่วมกันได้จริง ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการในรัฐธรรมนูญ เพื่อให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน”

ข้อวิจารณ์ : เป็นความจริงใช่หรือไม่ใช่ว่า เมื่อคณะอนุกรรมาธิการเทคนิค หรือ JTSC ผู้ที่ลงพื้นที่เพื่อสํารวจเขตแดนได้ร่วมกันกับฝ่ายกัมพูชาไปสร้างเส้นเขตแดน 2 เส้น ตลอดแนวพรมแดนเพราะยืนยันด้วยหลักฐานคนละอย่าง เช่น แผนที่คนละฉบับ ตัวอย่างที่เกิดขึ้นบริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาเมือนโต๊ด ฝ่ายกัมพูชาปักหลักแดง ฝ่ายไทยปักหลักน้ำเงิน สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้ทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน อันเป็นผลมาจากการใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 และการอ้างบันทึกวาจา โครงร่างแผนที่มาตราส่วน 1:1,000-10,000 ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนตามสนธิสัญญา 1907 สงคราม 5 วันที่เกิดขึ้นจึงมีสาเหตุมาจากการดําเนินงานจอง JTSC อันมาจาก TOR46 และ MOU43 รวมถึงทีมสํารวจที่ร่วมกับกรมแผนที่ทหารบกของไทย จนก่อให้เกิดการแสดงสิทธิ์แต่ละฝ่ายที่จะต้องจัดกําลังร่วมลาดตระเวนและดูร่วมกัน เช่น ที่ปราสาทตาเมือนธม และที่ปราสาทตาควาย JTSC ก็ไปขีดเส้นเขตแดนผ่ากลางตัวปราสาท และในวันนี้ฝ่ายกัมพูชาได้ครอบครองปราสาทตาควายอย่างสมบูรณ์ โดยที่ JBC หรือกระทรวงการต่างประเทศก็ไม่ทําการประท้วง ปัญหาของ MOU43 มีมากมายแต่ท่านไม่เคยใส่ใจที่จะนํามาบอกกล่าว และข้อที่ท่านคิดว่ามันเป็นข้อดี มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น โดยเฉพาะที่ประเทศไทยต้องทําการประท้วงกว่า 600 ครั้ง มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์เกินจริง ไม่มีประเทศไหนที่เขาหน้าด้านแบบกัมพูชาและด้านทนแบบไทยได้ขนาดนี้เพื่อกอด MOU43 เอาไว้

4. ท่านทําเหมือนไม่เคยติดตามผลงานของการเจรจาใน JBC (ซึ่งท่านก็นั่งอยู่ในกรรมาธิการ) หรือแค่ท่องจําเนื้อหาใน MOU43 มาอธิบายให้ประชาชนได้ทราบอย่างหมูอย่างหมา ความเป็นผู้ดีของพวกท่านทําให้ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งดูโง่นักหรือ? ท่านกล่าวว่า “ใน MOU43 กําหนดให้ทั้งไทยและกัมพูชา จะต้องงดเว้นการดําเนินการใด ๆ ที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการสํารวจเขตแดน เช่น การไม่ขุดคูเลท หรือการไม่ควรมีทหาร เป็นต้น และหากเกิดปัญหาการตีความการบังคับใช้ MOU ต่อพื้นที่ทั้ง 2 ฝ่าย ก็จะต้องมาเจรจากันตามที่ MOU กําหนดไว้ โดยไม่ได้มีการระบุให้บุคคลที่ 3 หน่วยงานที่ 3 หรือหลีกเลี่ยงไปหากลไกอื่นมาร่วมแก้ปัญหา เพราะตาม MOU43 กําหนดว่า เรื่องปัญหาพื้นที่ให้เป็นเรื่องระหว่าง 2 ประเทศไทย-กัมพูชา และที่สําคัญ MOU43 ยังกําหนดให้ทั้งไทย-กัมพูชา จะต้องร่วมกันในการกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ เพื่อให้อนุกรรมาธิการ JTSC สามารถลงพื้นที่สํารวจเขตแดน ในการจัดทําแผนที่ใหม่ได้อย่างปลอดภัยด้วย”

ข้อวิจารณ์ : เรื่องนี้ประชาชนที่เขาใส่ใจเขารับทราบมาโดยตลอดว่ามันล้มเหลว และสงคราม 5 วันที่เกิดขึ้นก็มาจากข้อ 5 ที่ท่านนํามาจาก MOU43 การไม่กระทําการใดๆนี่แหละมันคือปัญหา การเอาแต่ประท้วง มันไม่เคยได้ผล เหมือนท่านไปอยู่ดาวอังคารมานาน อีกอย่างไม่มีบทลงโทษอะไรเลย

5. ท่านยังย้ําอีกว่า “ถ้าจะยกเลิก MOU43 ก็ไม่สามารถหนีข้อเท็จจริงตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 ได้ เพราะถือเป็นแม่บทกําหนดรายละเอียดไว้ และไม่สามารถหนีแผนที่ 1:200,000 ได้ และถ้าจะยกเลิกไป ก็ต้องกลับไปใช้เอกสารทั้งหมด ซึ่งถูกรวบรวมไว้ใน MOU43 หรือเป็นการกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ตามกลไกที่มีอยู่ รวมถึง MOU43 ยังเป็นตัวกําหนดกฎเกณฑ์การไม่เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นกฎสําคัญให้ทั้ง 2 ฝ่ายปฏิบัติตาม เพราะปัจจุบันก็เห็นชัดเจนว่าฝ่ายใดเป็นผู้ผิดกฎเกณฑ์ และการสํารวจจัดทําเขตแดน ชุดสํารวจจะต้องได้รับการยืนยันความปลอดภัยจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล จึงป็นหน้าทั้ง 2 ฝ่าย ในการเก็บกู้ และมีการตกลงร่วมใจกันแล้วในการใช้กลไก MOU43 ร่วมกัน โดยไม่อ้างถึงบุคคลที่ 3

ข้อวิจารณ์ : สําหรับเรื่องนี้ท่านไม่เข้าใจสมควรกลับไปอ่านรายละเอียดเรื่องแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ในคําพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารที่จัดแปลและพิมพ์โดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายเมื่อพ.ศ.2505 เราอาศัยอนุสัญญา ค.ศ.1904 สนธิสัญญา ค.ศ.1907 รายงานการประชุม บันทึกวาจา แผนที่กํากับหลักเขตแต่ละหลัก เขต โดยไม่ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ก็ย่อมได้เพราะแผนที่นี้มิได้เป็นผลงานของคณะกรรมการปักปันฯ แถมมีสภาพแท้ง เก๊ ไม่ถูกต้อง เราต้องยึดถือสิ่งที่เคยไปยืนยันเรื่องข้อสงวนสิทธิ์ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญของเราก็วินิจฉัยในประเด็นนี้ว่าข้อสงวนสิทธิ์ของไทยยังดํารงอยู่ตามที่ปรากฏอยู่ในกฎบัตรสหประชาติ มีแต่กระทรวงการต่างประเทศของท่านที่ไปยึดถือธรรมนูญศาลโลกที่มีอายุความ 10 ปี ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายดาวเทียมหรือไลด้าก็ล้วนแล้วแต่นํามาใช้ในการสํารวจและจัดทําหลักเขตแดนได้ แต่กระนั้นท่านต้องยึดหลักประวัติศาสตร์ พื้นที่ และเป้าประสงค์ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนที่มีอยู่ในรายงานการประชุมด้วย

ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศมักปกปิดความจริงที่ไปแอบทํา จนข้าราชการในกระทรวงต้องนําข้อมูลทั้งลับไม่ลับออกมาเตือนภัยสังคม คือถ้าท่านคิดว่าข้อมูลที่ผมนํามาตอบโต้ท่านไม่เป็นความจริง ขอความกระจ่างด้วยว่าไม่จริงตรงไหน อย่างไร และการที่ท่านไปอํานวยประโยชน์ให้กับฝั่งกัมพูชาอย่างมากมาย เช่น การให้ทุนสนับสนุนการศึกษาต่อ ทํานี่นั้นให้โดยการใช้งบประมาณของแผ่นดินมันถูกต้องหรือไม่ ผมกับท่านอาจได้พบกันหลายเวทีในอนาคตที่จะมีขึ้น (ผมมีข้อเสนอมากมาย)

บางทีภาคประชาชนบางคนเขาอยากท้าทายท่านมาดีเบตออกสื่อร่วมกันสักครั้งจะเป็นการดีหรือไม่ครับ

ขอแสดงความนับถือ

นายเทพมนตรี ลิมปพยอม

ประชาชนคนไทย

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

“ตั้ม วราวุธ” เบรกคดี ไม่รู้จะเอาอะไรจากคู่กรณี ช็อกชีวิตรันทด เมียท้อง พ่อป่วยติดเตียง คิดสั้น

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สยอง! สหรัฐฯประกาศด่วนพบ “เคสป่วยหนอนไชกินเนื้อมนุษย์” ครั้งแรกในรัฐแมรีแลนด์ หลังเพิ่งกลับจากเที่ยว "เอลซัลวาดอร์"

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

วิดีโอ

แก๊งแอปฯ เงินกู้เถื่อน คิดดอกเบี้ยสุดโหด ร้อยละ 3,197 ต่อปี พบเงินหมุนเวียนในระบบเดือนเดียวกว่า 120 ล้านบาท

สวพ.FM91
วิดีโอ

รวบหนุ่มเมียนมา ขนแรงงานเถื่อนอัดแน่นกระบะ 13 ชีวิตกลางดึก

สวพ.FM91
วิดีโอ

บุกรวบล่ามแปล ขบวนการแก๊งปอหนวดงาม มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

สวพ.FM91

ชัวร์ก่อนแชร์: แมวเชื่อมโยงรูปภาพกับคำเร็วกว่าทารก จริงหรือ?

สำนักข่าวไทย Online

ชัวร์ก่อนแชร์: แมวเชื่อมโยงรูปภาพกับคำเร็วกว่าทารก จริงหรือ?

ชัวร์ก่อนแชร์

รวบ 2 สามีภรรยา รับจ้างขนยาบ้า 8 ล้านเม็ด ซุกรถขนน้ำตบตาตำรวจ สารภาพรอดมา 3 ครั้งแล้ว

Khaosod

เสื่อมอีก! บุกวัดจับสึกเจ้าอาวาสฉี่ม่วง ค้นกุฎิผงะอุปกรณ์เสพ-ขวดเหล้าเบียร์อื้อ

เดลินิวส์

“ธนารักษ์” เปิดตัว Clean Energy ต้นแบบใช้พลังงานสะอาดในที่ราชพัสดุ MOU กองทัพเรือทำโครงการนำร่อง

ไทยพับลิก้า

ข่าวและบทความยอดนิยม

เอ็มโอยู43 เลิกไม่ได้! ผลประโยชน์มหาศาล?

Manager Online

“มงคลกิตติ์”ยื่นชะลอลงนามสัญญาจ้างโครงการฯ หลังพบพิรุธ ทำราคากลางสูง พบบุคคลอ้างตัวเป็นคณะทำงาน รมว.แรงงาน เรียกเก็บค่าหัวคิว

Manager Online

สสส.และเครือข่ายงดเหล้า ชื่นชม “ตำรวจภูธรพิมาย งดเหล้ายกโรงพัก” ร่วมโครงการ ฤดูกาลแห่งสติ งดเหล้าเข้าพรรษา 97

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...