SUMMER SONIC BANGKOK 2025 เทศกาลฤดูร้อนที่เปลี่ยนกรุงเทพให้กลายเป็นมหานครแห่งเสียงเพลง
ท่ามกลางความร้อนแรงของกรุงเทพฯ ในกลางฤดูร้อน บรรยากาศกลับถูกปลุกให้คุกรุ่นยิ่งขึ้น เมื่อผู้ชมหลายหมื่นชีวิตมารวมตัวกันที่ IMPACT CHALLENGER HALL 1-3 เพื่อสัมผัสพลังของ “ดนตรี” ที่เชื่อมโยงผู้คนข้ามพรมแดนและภาษาอย่างไร้ข้อจำกัด
ระหว่างวันที่ 23 – 24 สิงหาคม 2025 การกลับมาจัดเป็นครั้งที่ 2 ของ SUMMER SONIC BANGKOK ได้สร้างปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนทั้งกรุงเทพฯ ให้กลายเป็น “เมืองแห่งเทศกาล” อย่างแท้จริง พร้อมตอกย้ำจุดยืนในฐานะ “เฟสติวัลระดับโลกจากญี่ปุ่นและเอเชีย” ที่ทรงพลังและน่าจับตามอง
กรุงเทพฯ ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันแห่งเสียงดนตรี
สุดสัปดาห์นั้น กรุงเทพฯ ถูกโอบล้อมด้วยพลังของ SUMMER SONIC บรรยากาศรอบ IMPACT CHALLENGER HALL 1-3 เต็มไปด้วยความตื่นเต้น จอ LED ขนาดมหึมาติดตั้งด้านนอกส่องแสงเชื้อเชิญผู้คนจากทั่วโลกให้เข้ามาสัมผัสโลกแห่งเสียงเพลง
ตั้งแต่ก่อนประตูเปิด คลื่นมหาชนจากทั้งไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่งาน ภายในฮอลล์ ความมีชีวิตชีวาเริ่มต้นทันทีที่สายตาสัมผัสกับ บูธ ARTIST MERCHANDISE ขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยสินค้าทั้งออฟฟิเชียลและของที่ระลึกจากศิลปินมากมาย หลายชิ้นขายหมดจนขึ้นป้าย “SOLD OUT” ในเวลาไม่นาน สะท้อนให้เห็นถึงการรอคอยและความร้อนแรงของแฟน ๆ
บริเวณรอบฮอลล์เต็มไปด้วยบูธผู้สนับสนุนจากทั้งในและต่างประเทศ พร้อมโซนอาหารและพื้นที่พักผ่อนที่ตกแต่งอย่างสวยงามสำหรับแฟน ๆ ที่ต้องการชาร์จพลังระหว่างคอนเสิร์ต บรรยากาศเป็นกันเองอย่างเต็มที่—ทั้งเพื่อน ๆ ที่ยกแก้วชนกัน ครอบครัวที่นั่งรับประทานอาหารร่วมกัน และผู้คนที่พูดคุยแลกเปลี่ยนรอยยิ้มกันรอบงาน ราวกับกรุงเทพฯ ถูกเนรมิตให้กลายเป็นเมืองแห่งดนตรีโดยสมบูรณ์
ประสบการณ์เหนือระดับ และพลัง Soft Power ไทย
ในโซน VVIP และ VIP มีการจัดพื้นที่อย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่หรูหราและเป็นส่วนตัวสำหรับผู้เข้าชม พร้อมด้วยศิลปะไทยที่ประดับอยู่ทั่วบริเวณ ตั้งแต่ รถตุ๊กตุ๊กสีสันสดใส ไปจนถึง โลโก้ขนาดยักษ์ของ SUMMER SONIC BANGKOK 2025 ซึ่งกลายเป็นแลนด์มาร์กยอดนิยมสำหรับการถ่ายภาพ
หนึ่งในจุดที่โดดเด่นที่สุดคือ หอคอยตกแต่งด้วยอักษรญี่ปุ่น “サマーソニック” (ซัมเมอร์โซนิค) ที่ตั้งตระหง่านกลางงาน เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองพลัง Soft Power ไทย ที่ได้รับการสนับสนุนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) และยังสะท้อนถึงความสำเร็จของ “เทศกาลจากญี่ปุ่นในต่างแดน” ที่ทรงพลังและสง่างาม
IMPACT CHALLENGER HALL: จากฮอลล์สู่เมืองแห่งดนตรี
ก่อนเริ่มการแสดง ความคึกคักเต็มไปทั่วพื้นที่ ผู้คนเดินขวักไขว่พร้อมถุงของที่ระลึกและรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้น บรรยากาศถูกแปลงโฉมให้กลายเป็น“ธีมพาร์กแห่งเสียงดนตรีและการเฉลิมฉลอง” อย่างแท้จริง
สุดสัปดาห์นี้ IMPACT CHALLENGER HALL ไม่ได้เป็นเพียงคอนเสิร์ตฮอลล์อีกต่อไป แต่ได้กลายเป็น “หัวใจแห่งเทศกาล” ที่เชื่อมกรุงเทพฯ เข้ากับโลกดนตรีระดับสากล พร้อมสร้างปรากฏการณ์ที่ตราตรึงในความทรงจำของแฟนเพลงจากทั่วโลก
SUMMER SONIC BANGKOK 2025: DAY 1
ดื่มด่ำกับพลังแห่งเสียงดนตรีและโมเมนต์ประวัติศาสตร์ที่กรุงเทพฯ
วันที่ 23 สิงหาคม 2025 บรรยากาศใน IMPACT CHALLENGER HALL 1-3 ถูกปลุกให้ลุกโชนตั้งแต่วินาทีแรกที่งานเริ่มต้น เมื่อศิลปินนับสิบจากทั่วโลกและเอเชียรวมพลังกันสร้างค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์ที่ตราตรึงใจแฟนเพลงทุกคน
MAHANAKHON STAGE: จุดเริ่มต้นของพลังที่ไม่สิ้นสุด
เสียงเชียร์กระหึ่มเมื่อ HITGS ขึ้นเปิดเวทีหลักของวันแรก ทันทีที่ดนตรีเริ่มขึ้น พลังความสดใหม่และซาวด์ที่เต็มไปด้วยความไดนามิกได้ดึงผู้ชมเข้าสู่ “โหมดเฟสติวัล” อย่างเต็มตัว การแสดงของพวกเธอเต็มไปด้วยความเยาว์วัยและพลังงาน จนกลายเป็นการเปิดฉาก SUMMER SONIC BANGKOK อย่างสมบูรณ์แบบ
ต่อด้วยโลกเหนือจริงของ KIKUO ที่พาผู้ชมเข้าสู่ห้วงดนตรีเหนือจินตนาการ ผ่านซาวด์ล่องลอยและภาพวิชวลที่ซิงค์อย่างลงตัว ทำให้ฮอลล์ทั้งฮอลล์เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ใน “เขตแดนระหว่างความฝันและความจริง” สร้างช่วงเวลาที่ผู้ชมแทบลืมหายใจ
จากนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนโทนทันทีเมื่อวง BUS because of you i shine ขึ้นเวทีด้วยโชว์สุดพลังจากสมาชิกทั้ง 12 คน การร้องประสานเสียงที่หลากหลายผสมเข้ากับท่าเต้นแบบเพอร์ฟอร์แมนซ์กรุ๊ปสุดแน่นหนา ทำให้เวทีสว่างไสวราวกับคาลิโดสโคป ผู้ชมลุกขึ้นยืนปรบมือและส่งเสียงเชียร์อย่างพร้อมเพรียง ทำให้บรรยากาศความมันส์พุ่งถึงขีดสุดตั้งแต่ต้นงาน
พลังความร้อนแรงยังต่อเนื่องกับการปรากฏตัวของ BAND-MAID ที่มาในชุดเมดสุดไอคอนิก แต่สิ่งที่ออกมาจากเวทีกลับเป็นซาวด์ร็อกจัดจ้าน เสียงกีตาร์และกลองที่กระแทกใจ ทำให้ทั้งฮอลล์ตกอยู่ในมนตร์สะกด ความคิ้วท์ภายนอกผสานกับความแข็งกร้าวของซาวด์ได้อย่างลงตัว พร้อมโซโล่กีตาร์และเบสที่เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอลล์
ความมันส์ที่พุ่งทะยานสู่จุดสูงสุด
พลังของงานถูกขับเคลื่อนต่อด้วยโชว์จาก Creepy Nuts คู่ดูโอ้ระดับตำนานจากญี่ปุ่น การปรากฏตัวของ DJ Matsunaga เจ้าของสถิติโลกในการสแครชแผ่นเสียง และ R-Shitei แรปเปอร์ตัวท็อป ทำให้ฮอลล์ทั้งฮอลล์ลุกเป็นไฟ เสียงบีตที่ซับซ้อนและฟลว์ที่คมกริบดึงผู้ชมเข้าสู่โลกของพวกเขาแบบไร้กำแพงภาษา จนฮอลล์ทั้งฮอลล์กลายเป็นคลับขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงร้องตาม และการเต้นไปพร้อมกัน
ในเวลาเดียวกัน ที่ THONBURI STAGE พลังถูกส่งต่อโดยSO-SO บีทบ็อกเซอร์ระดับโลกจากญี่ปุ่น เขาใช้เพียงไมโครโฟนหนึ่งตัวสร้างจังหวะดนตรีทั้งกลอง เบสไลน์ และเมโลดี้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้ชมตะลึงในฝีมือและพลังที่ถ่ายทอดออกมา
ถัดมา NELL วงอินดี้ชื่อดังจากเกาหลี สร้างบรรยากาศที่แตกต่างด้วยซาวด์นุ่มลึกและเสียงร้องก้องกังวานที่ชวนให้ผู้ชมหลับตาดื่มด่ำไปกับความงามของบทเพลง ก่อนปิดท้ายเวทีด้วย NOA ที่มาพร้อมการผสมผสานระหว่าง R&B และป๊อปสุดล้ำสมัย บวกกับการร้องสลับ 3 ภาษา—ญี่ปุ่น อังกฤษ และเกาหลี—โชว์ศักยภาพในฐานะศิลปินเอเชียนสตาร์รุ่นใหม่ที่พร้อมก้าวสู่เวทีโลก
บรรยากาศเข้าสู่จุดพีค
เมื่อถึงคิวของ JVKE เสียงเปียโนอันอบอุ่นและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ทำให้บรรยากาศทั้งฮอลล์กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสงบและความซึ้ง หลังจากความมันส์ต่อเนื่องมาตลอดวัน ผู้ชมหลายพันคนชูไฟจากโทรศัพท์มือถือส่องแสงจนเกิดเป็น“ทะเลทองคำ” ที่งดงามสุดประทับใจ
และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อ Snow Man ขึ้นเวทีตรงเวลา 19:40 บรรยากาศในฮอลล์พลันเปลี่ยนไปทันที การเต้นที่สมบูรณ์แบบและพลังเสียงร้องที่ทรงพลังทำให้แฟน ๆ กรี๊ดสะท้านฮอลล์ พวกเขายังเซอร์ไพรส์แฟน ๆ ด้วยการพูดภาษาไทยอย่างเป็นธรรมชาติ สร้างโมเมนต์แห่งความอบอุ่นจนมีแฟนหลายคนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ สำหรับ Snow Man การแสดงครั้งนี้คือ “ก้าวแรกสู่เวทีระดับโลก” อย่างแท้จริง
พลังแห่งโลกดนตรีปะทะกันบนเวที
พลังถูกส่งต่อไปยัง 21 Savage ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกจากแอตแลนตา เมื่อบีตแรกดังขึ้น ฮอลล์ทั้งฮอลล์ระเบิดออกด้วยเสียงเชียร์ ดนตรีฮิปฮอปอันเข้มข้นและสไตล์มินิมอลที่เฉียบคมทำให้พลังของเขาโดดเด่นแบบไร้ข้อกังขา
ปิดท้ายค่ำคืนด้วยเฮดไลเนอร์ระดับตำนาน BLACK EYED PEAS เสียงอินโทรของ “I Gotta Feeling” ดังขึ้น ฮอลล์ทั้งฮอลล์กลายเป็นคลับขนาดยักษ์ที่สั่นสะเทือนด้วยเสียงกรี๊ดและเบสที่กระหึ่มไปทั่ว ผู้ชมกระโดดพร้อมกันราวกับคลื่นทะเล เสียงร้องประสานใน “Pump It” ดังกึกก้อง และเมื่อเข้าสู่เพลงรักอมตะ เสียงร้องจากแฟน ๆ ต่างชาติ ต่างวัย ต่างภาษา ก็ดังกังวานเป็นหนึ่งเดียวราวกับคำอธิษฐานของค่ำคืน
นี่คือการเฉลิมฉลอง “พลังของดนตรีที่ไร้พรมแดน” อย่างแท้จริง และเมื่อค่ำคืนแรกของ SUMMER SONIC BANGKOK 2025 ปิดฉากลง ฮอลล์ทั้งฮอลล์ยังคงสั่นสะเทือนด้วยความสุข พลัง และความทรงจำที่จะไม่มีวันลืม