ทนายความ“หมอบี” แจงปมเงินบริจาคไม่ตรงกับใบอนุโมทนาบัตร
วันที่ 13 ส.ค.68 หลังจากที่ รายการโหนกระแส นำเสนอเรื่องราวของหมอบี ทูตสื่อวิญญาณ ต่อเนื่องยาวมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ในประเด็นความโปร่งใสในการทำโครงการบริจาคเงินมอบให้ หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งนับตั้งแต่เกิดเรื่อง หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ เพิ่งออกมาเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้ง คือการโฟนอินในรายการ “แฉ” และการให้สัมภาษณ์สั้นๆ หลังไปพบตำรวจกองปราบ
ล่าสุดวันนี้ ในรายการโหนกระแส หมอบี ตอบรับมาร่วมรายการ โดยจะชี้แจงทุกคำถามที่สังคมตั้งคำถาม ทั้งต่อตัวหมอบี และต่อโครงการต่างๆ รวมทั้งเรื่องที่ว่าหมอบี มีพลังสื่อวิญญาณ สื่อกับผีได้จริงหรือไม่
หนุ่ม กรรชัย กล่าวในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่า ตั้งแต่ตอนที่หมอบีเดินทางมาถึงสตูดิโอ อาคารมาลีนนท์ เรายังไม่ได้คุยกันเลย ตนได้ปฏิเสธไว้แล้วว่า ขอคุยทีเดียวในรายการเลย เพราะจะได้ไม่ต้องมาเกรงใจอะไรกัน ไม่ต้องคุยอะไรกันก่อน ไปคุยกันสดๆ ในรายการทีเดียวพอ
หมอบี ชี้แจงว่า ตนไปรู้จักกับหลวงพ่ออลงกต เมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว มีญาติพาไปทำบญ ช่วงแรกๆ ที่ได้พบ ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ได้ทราบจากปากท่านว่า ท่านมีโปรเจกต์เยอะแยะมากมายในการจะเข้าไปช่วยเหลือคน และได้ริเริ่มทำกิจกรรมจิตอาสากับหลวงพ่อมากมาย ทั้งเรื่องการไปไล่แจกอาหาร ไปช่วยคนตามจุดต่างๆ
จนกระทั่งมาพีกๆ ช่วงโควิด ที่เราไปช่วยคน เอาออกซิเจน เอาอุปกรณ์การแพทย์ ไปช่วยคน เราทำในฐานะจิตอาสา มันต้องมีทุน มีเงินมาใช้ในการทำงาน จึงมีการปรึกษากันในกลุ่มเพื่อนๆ และปรึกษากับหลวงพ่อ โดยไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นเรื่องราวจริงจังอะไร เหมือนถามกันในกลุ่มเพื่อนว่า เราจะร่วมบุญกับหลวงพ่อ ไปช่วยคนตรงนั้นตรงนี้นะ ใครจะร่วมบ้าง แต่พอเราทำ แล้วคนเริ่มเห็นว่า มันช่วยเหลือคนได้จริง มันมีคนได้ประโยชน์จริงๆ มีคนรอดชีวิตจริงๆ เขาเห็นแล้วเขาศรัทธา เขาเชื่อเรา การเป็นสะพานบุญตรงนี้มันก็ใกญ่ขึ้น
ยืนยันว่า ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน มันไม่ใช่การทำบุญกับวัด มันเป็นการหาเงินเพื่อถวายให้หลวงพ่อ แล้วท่านจะเอาไปช่วยใคร ไปทำอะไร มันเป็นส่วนของท่าน และการรับบริจาค เป็นเหมือนแท็งก์น้ำแท็งก์ใหญ่ บางส่วนเขาก็ทำบุญแบบทั่วๆ ไป จะทำอะไรก็ได้ แต่บางส่วนก็มีการเฉพาะเจาะจง จะช่วยเหลือในบางโครงการ แต่บางทีมีคนทำบุญมา เขามาขอออกใบอนุโมทนาบัตร จะไปใช้ทำอะไรของเขา เราก็มาออกให้ แต่ถามว่า ในเมื่ออ้างว่ามันเป็นการถวายให้หลวงพ่อ ทำไมถึงมีเอกสารที่มีตราปั๊มของวัด มันต้องแปลว่าเป็นเงินที่ถวายวัด เป็นเงินวัด หมอบีตอบว่า เราไม่รู้จริงๆ เราทำไปด้วยความไม่รู้กฎหมาย ทำเพื่อความสวยงามเท่านั้น
ส่วนคำถามว่าทำไมถึงใช้เงินสด ใช้วิธีโอนไม่ง่ายกว่าหรือ? หมอบีบอกว่า การใช้เงินสดมันง่ายกว่า ในแง่การหยิบใช้งานตามความประสงค์ต่างๆ คนใช้เงินสดก็มีเยอะแยะ ถามว่ารู้ไหมว่า มีคนถ่ายคลิปเก็บหลักฐานไว้หมด ว่าเขาเอา
ถามเรื่องบ้านที่หมอบีสร้างบ้าน หมอบียืนยันว่าไม่ได้แพงอย่างที่สื่อไปลงกัน แต่ยืนยันว่า จะสร้างบ้านหลังหนึ่งได้ ก็ต้องมีความพร้อม ต้องมีเงินก่อน ถึงจะสร้างได้ แต่ไม่ได้สร้างในวันเดียว มันก็ค่อยๆ สร้างกันมา แต่เงินต่างๆ ที่เอาไปสร้างบ้าน เป็นเงินของตนแน่นอน
ถามว่าเอาเงินมาจากไหนมากมายขนาดนั้น หมอบีบอกว่า
“พี่หนุ่มลองคิดดูว่า วันๆหนึ่งมีคนมาหาผมกี่คน แต่ผมไม่เคยเรียกเงินจากใครเลยนะ ผมไปให้คำปรึกษาเขา แล้วเขาสบายใจ ผมช่วยเขาได้ ก็แล้วแต่เขาจะให้ บางทีเขาใส่เงินมาในกระเช้่า ใส่มาในของ อะไรอย่างเนี้ย บางทีไม่รู้ว่าใครให้มาด้วยซ้ำ การให้เป็นเงินสดมันก็เป็นเรื่องปกติ สังคมเงินสด มันก็ไม่ได้แปลกตรงไหน ผมว่ามันก็ไม่ได้แปลกตรงไหน”
หมอบียังยืนยันอีกว่า ครอบครัวตนก็มีเงินประมาณหนึ่ง ไม่ได้เป็นครอบครัวที่ยากจน เงินกงสีก็มี แต่พอไปเปิดคลิป หมอบีเคยให้สัมภาษณ์กับคนๆ หนึ่งว่า ตอนไปเรียนเมืองนอก ชีวิตลำบากมาก ต้องนอนในห้องแคบๆ ขนาดพอดีตัว ต้องแขวนเสื้อผ้าเหนือหัว ต้องสอดตัวเข้าไปนอน แต่พอมาให้สัมภาษณ์ทีหลัง บอกว่าตัวเองมีเงิน
หลายเรื่องมันย้อนแย้ง และหักล้างคำพูดตัวเองในภายหลังเสมอ หมอบีบอกว่า ตอนเราไปเรียนเมืองนอก เราก็ใช้ชีวิตประหยัด แต่ถามว่า เราโกหกไหม ก็ไม่ เพราะเราไปเรียนเมืองนอกจริง ที่บ้านมีเงินส่งไปเรียนจริง หลักฐานก็มี ว่าไปได้จริง
เมื่อถามว่า ใช้ชีวิตแบบเงินสดตลอดเวลา มีเงินก็เก็บแต่เงินสด หมอบีบอกว่าไม่ชอบเก็บเงินในธนาคาร เป็นเรื่องส่วนตัวที่คิดแบบนี้ ถามว่าคนให้เงินสดมา มันเป็น แต่ถามว่าได้แจ้งรายได้ รายรับกับสรรพากรไหม ยืนยันว่าแจ้งตามปกติเสมอ สามารถตรวจสอบได้
ส่วนเรื่องที่หมอบีออกมาปฏิเสธว่าตนไม่ใช่หมอดู หมอบียืนยันมาตลอดว่า ผมไม่ใช่หมอดู แต่ถามว่าก่อนหน้านี้เคยดูไหม ก็เคยดูจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่ดูแล้ว
สิ่งที่เราอยากจะออกมาชี้แจงวันนี้คือ เราอยากจะให้พิสูจน์ว่า เงินที่เราถวายไป มันถูกต้อง ตรงหมด ไม่เคยเอาไปใช้ส่วนตัวแม้แต่สลึงเดียว ถ้าตนอยากจะรวย ตนก็แค่ทำวัตถุมงคลมาให้คนบูชาไม่ดีกว่าเหรอ
เมื่อถามว่า กังวลไหมว่าเราจะผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ยืนยันว่า ไม่กังวลเลย สิ่งที่ตนทำ หลวงพ่อทำ ทุกคนเห็น เป็นที่ประจักษ์ ถ้าไม่เห็น ไม่มี ไม่ชัด มันก็คงแปลก แต่สิ่งที่เราทำ ทุกคนได้เห็น เราจึงมั่นใจในสิ่งที่เราได้ทำลงไป
แต่เมื่อถามย้ำเรื่องการใช้เงินบริจาคที่ผิดวัตถุประสงค์ มีคนบริจาคเงินให้ไถ่ชีวิตวัวควาย แต่ทำไมใบอนุโมทบัตร ถึงออกมาเป็นบริจาคช่วยผู้ป่วยโรคเอดส์ แบบนี้มันผิดกฎหมายเรี่ยไร ใช้เงินบริจาคผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
ทนายความของหมอบีบอกว่า ต้องแยกให้ออกว่า หมอบีคือบุคคล หลวงพ่ออลงกตคือบุคคล วัดคือองค์กร เราเปิดรับบริจาคเพื่อให้หลวงพ่อ บุคคลถึงบุคคล ทุกการบริจาคมันสามารถมากระทบยอดดูได้ โดยใช้ระยะเวลาของโครงการ ไปเทียบกับสเตตเมนต์ เช่น ถ้าโครงการไถ่ชีวิตวัว ตั้งแต่วันที่ 1-15 เดือนกันยายน เราก็ไปกระทบยอดในบัญชี 1-15 กันยายน เงินทุกบาทที่เข้ามาในเวลานั้น จะถูกเอาไปใช้กับโครงการไถ่ชีวิตวัวทั้งหมด
แต่เมื่อตั้งคำถามว่า ทำไมใบอนุโมทนาบัตรที่ออกมันออกมาเป็นโครงการโรคเอดส์ มันก็อาจจะต้องบอกว่า เอกสารมันอาจจะไม่ได้ถูกต้องอย่างที่มันเป็น แต่สุดท้าย เงินที่ไหลเข้ามา มันไหลออกไปตามวัตถุประสงค์ทั้งหมด เพราะคนที่บริจาคเขาต้องการให้หลวงพ่อเอาไปช่วยเหลือประชาชน และสุดท้ายปลายทางมันออกไปช่วยคนจริงๆ
เพจ โหนกระแส