ผบ.ตร.อยากพบพ่อแม่ "น้องเมย" แจงคดีเกิดก่อนผู้ต้องหาเป็นตำรวจ-เตรียมสอบวินัย
วันนี้ (23 ก.ค. 68) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีศาลมณฑลทหารบกที่ 12 อ่านคำพิพากษาคดีการเสียชีวิตของ “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหาร โดยระบุว่า
“ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย”
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาตินำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน ตนขอเวลาให้จเรตำรวจแห่งชาติได้ไปพิจารณาก่อน เพราะขณะนี้คู่กรณีเป็นตำรวจตาม พ.ร.บ.ตำรวจแล้ว”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าตำรวจจะประสานกองทัพไทยเพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาทางวินัยหรือไม่นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบว่า “เรื่องนี้เป็นไปได้ ตนจะมอบให้จเรตำรวจแห่งชาตินำพยานหลักฐานต่าง ๆ เรื่องอาญาที่คาดว่าเป็นไปในระดับหนึ่งแล้ว ทางจเรตำรวจแห่งชาติจะต้องไปพิจารณาดูว่าจะดำเนินการได้ตามระเบียบคำสั่งขั้นตอนใดบ้าง อย่างไรบ้าง ซึ่งส่วนนี้จะประกอบกับที่ตนจะคุยกับพ่อและแม่ของน้องเมย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการคุยเรื่องรายละเอียดของพยานในคดี ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไปดูรายละเอียดให้รอบคอบ”
กรณีประชาชนอาจเคลือบแคลงใจต่อการที่ผู้กระทำผิดได้เป็นตำรวจ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า “ในส่วนจริยธรรมมีการกำหนดเอาไว้เป็นหลักของตำรวจ จเรตำรวจแห่งชาติจะต้องเป็นผู้นำมาประกอบว่าประเด็นจริยธรรมดังกล่าวจะเข้าส่วนใดบ้างของทางวินัย และจะร้ายแรงและไม่ร้ายแรง ต้องพิจารณาจากข้อมูลที่รอบด้าน ส่วนการที่พ่อแม่ของน้องเมยจะนำเรื่องนี้ไปถึงศาลแพ่ง ส่วนตัวคาดว่าเป็นไปได้”
ในส่วนกรณีครอบครัวแจ้งความแพทย์ที่ทำชันสูตรศพน้องเมยครั้งแรก ซึ่งทำให้อวัยวะสูญหาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า “ตนได้มอบหมายเรื่องนี้ให้จเรตำรวจแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาร่วมด้วย”