โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘วิโรจน์’ เสนอใช้กฎหมายฟอกเงิน แทนปิดด่านเพื่อสกัดทุนเทากัมพูชา

เดลินิวส์

อัพเดต 28 มิถุนายน 2568 เวลา 18.48 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
“วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” เสนอใช้มาตรการปราบฟอกเงิน เจาะทุนกัมพูชาแทนปิดด่านชายแดน พร้อมเรียกร้องภาครัฐเร่งตรวจสอบเส้นทางเงิน และลงนามอนุสัญญายูเอ็นเรื่องไซเบอร์ เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อประชาชนนับล้านชีวิต

จากกรณีข้อพิพาทบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ทาง “สมเด็จฮุน เซน” ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความพาดพิงประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์จึงยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อีกทั้ง"นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร" สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ก็ได้ออกมาเตือนคนไทยต้องดึงสติ ชี้ "ฮุน เซน" เดินแผนสแกมเมอร์ปั่นทุกวัน ย้ำอย่าเต้นตาม ไทยเรายิ่งต้องนิ่ง ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์ได้เกิดกระแสแชร์โพสต์จาก "นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร" สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ที่ได้พูดถึงการใช้กลไกการปราบปรามการฟอกเงิน จัดการกลุ่มทุนเทากัมพูชา พุ่งเป้าไปที่กระเป๋า "สมเด็จฮุน เซน" ลงในแฟนเพจ "Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร"

โดยนายวิโรจน์ ระบุข้อความว่า "การใช้มาตรการปิดด่านนั้น ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และประชาชนคนไทย ที่ประกอบกิจการการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นวงกว้างอย่างน้อย 7 จังหวัด ถ้าหากจำเป็นต้องดำเนินมาตรการปิดด่านต่อไป ก็ควรต้องพิจารณามาตรการ ช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการ และประชาชนชาวไทยควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้น และดอกเบี้ย และสินเชื่อปลอดดอกเบี้ย และมีระยะปลอดค่างวด"

"ในสมัยก่อน มาตรการปิดด่านนั้นค่อนข้างจะได้ผล เพราะว่าเป้าประสงค์ที่แท้จริง คือ การสกัดกั้นผลประโยชน์จากการลักลอบขนสินค้าหนีภาษี และธุรกิจตามแนวชายแดน ที่เป็นแหล่งผลประโยชน์ของของนักการเมืองของประเทศคู่พิพาท เพราะเรารู้อยู่แก่ใจว่า นักการเมืองของประเทศนั้นเขาไม่ได้ห่วงใยประชาชน เพื่อนร่วมชาติของพวกเขาหรอก เขาห่วงผลประโยชน์ของพวกเขาเองมากกว่า และปัจจุบันผลประโยชน์เหล่านั้น ได้แปรสภาพมาอยู่ในรูปแบบของอาชญากรรมไซเบอร์ ที่มีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และเงินสกุลคริปโต"

นอกจากนี้ "ที่ประชุม กมธ.ทหาร ในวันที่ 26 มิ.ย. 68 จึงมีความเห็นร่วมกันว่า หากพิจารณาใช้มาตรการการปราบปรามการฟอกเงิน ที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มทุนเทากัมพูชา ที่เป็นแหล่งผลประโยชน์ของ สมเด็จฮุน เซน และ ฮุน มาเนต น่าจะสร้างแรงกดดันที่แม่นยำ และส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการการค้าชายแดนน้อยกว่า และจะได้ประโยชน์ในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ และธุรกิจสีเทาต่างๆ ทั้ง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ ค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด การฟอกเงิน และการก่อการร้าย ที่เป็นภัยร้ายของประชาชนคนไทยไปในตัวด้วย"

"โดยนายกฯ สามารถสั่งการให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่ต้องสงสัย ที่เข้ามาทำธุรกรรมในประเทศไทย รวมทั้งกลุ่มทุนไทยที่เคลื่อนย้ายเงินทุนไปยังประเทศกัมพูชา โดยยอดเงินทุกยอดที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 700,000 บาท จะต้องมีระบบรายงานทุกครั้ง ซึ่งไม่มีทางจะหลุดรอดสายตาของ ปปง. อย่างแน่นอน"

อีกทั้ง"เป็นที่ทราบกันดีกว่า สำนักงานว่าด้วยยาเสพติด และอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) ยอมรับว่ากัมพูชาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางขนาดใหญ่ของอาชญากรรมไซเบอร์ และศูนย์หลอกลวงออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกลุ่มฮุ่ยวัน (Huione) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจ และเครือข่ายบริหารชำระเงิน ที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฮุน ได้ถูกสำนักงานเครือข่ายอาชญากรรมทางการเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐ (FinCEN) กล่าวหาว่า เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินระดับนานาชาติ และอาชญากรรมไซเบอร์ และเป็นศูนย์กลางการฟอกเงินของ Lazarus Group ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ โดยในวันที่ 1 พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา FinCEN ได้ใช้มาตรา 311 ของ USA Partriot Act ประกาศให้กลุ่มฮุ่ยวัน เป็นสถาบันการเงินที่เสี่ยงต่อการฟอกเงินในระดับสูง และเสนอให้มีการตัดขาดการเข้าถึงระบบการเงินของสหรัฐอเมริกา"

"ที่สำคัญสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศ (Office of Foreign Assets Control: OFAC) ได้ขึ้นบัญชีดำบุคคล และองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮุ่ยวัน นอกจากกลุ่มฮุ่ยวัน แล้วยังมี Mong Reththy Group ของออกญามงฤทธี และ LYP Group ของออกญาลียงพัด โดยเฉพาะออกญาลียงพัด บุคคลคนนี้ก็ถูก OFAC คว่ำบาตรเช่นกัน นั่นหมายความว่าประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ในการจัดการกับเครือข่ายการฟอกเงิน และอาชญากรรมไซเบอร์ ที่มีฐานการปฏิบัติการที่ประเทศกัมพูชาอยู่แล้ว"

นอกจากนี้ "กัมพูชาเคยถูกคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการดำเนินมาตรการต่อต้านการฟอกเงิน (Financial Action Task Force: FATF) จัดให้อยู่ใน Grey List ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 และเพิ่งจะถูกปลดออกจาก Grey List เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2566 นี้เอง ผมเชื่อว่าถ้ามีการมอบหมายให้ ปปง. และ บช.สอท. ประสานงานกัน และทำงานร่วมกันกับหน่วยงานด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส และกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ก็จะทำให้สามารถรวบรวมข้อมูลการฟอกเงิน ที่เชื่อมโยงไปที่กลุ่มทุนต่างๆ ในประเทศกัมพูชา ที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น"

"ซึ่งจะทำให้สามารถยื่นให้กับคณะทำงานทบทวนความร่วมมือระหว่างประเทศ (International Cooperation Review Group: ICRG) เพื่อให้ FATF พิจารณานำเอาประเทศกัมพูชากลับไปสู่ Grey List เช่นเดิม ซึ่งจะทำให้ธนาคาร และสถาบันการเงินทั่วโลกใช้มาตรการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น (Enhanced Due Diligence) และถ้าไม่มีการปรับปรุง ก็จะถูกจัดให้อยู่ใน Black List ซึ่งจะทำให้กัมพูชาถูกตัดออกจากระบบการเงินโลก (SWIFT) ต่อให้ตระกูลฮุนจะมีเงินมากมายขนาดไหน แต่ถ้าเคลื่อนย้ายถ่ายโอนไม่ได้ ก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไร"

"การที่กลุ่มฮุ่ยวัน (Huione) เป็นจุดศูนย์กลางของการฟอกเงินของ Lazarus Group ของเกาหลีเหนือ ซึ่งประเทศเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่อยู่ใน Black List ของ FATF นั่นหมายความว่ามีโอกาสสูงมากที่กัมพูชา จะถูกนำกลับไปแขวนไว้ใน Grey List หรือ Black List เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นะครับ เพราะยูเครนก็เคยพยายามผลักดันให้ FATF ขึ้นบัญชีดำรัสเซีย แม้ว่ารัสเซียจะไม่ถูกขึ้นบัญชีดำ แต่ก็ถูก “สั่งพักสมาชิก” ซึ่งทำให้รัสเซียได้รับผลกระทบอยู่พอสมควร"

"อีกมาตรการหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีควรสั่งการอย่างเร่งด่วนก็ คือ การลงนามให้สัตยาบรรณอนุสัญญาอาชญากรรมไซเบอร์แห่งสหประชาชาติ 2024 (United Nations Convention against Cybercrime 2024: UNCC 2024) ในฐานะ 40 ประเทศแรก ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นรัฐผู้ร่วมริเริ่มอนุสัญญา ซึ่งจะทำให้ประเทศของเราสามารถขอความร่วมมือจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ไม่ว่าฐานปฏิบัติการของโจรเหล่านี้จะตั้งอยู่ที่ประเทศไทย หรือส่วนไหนของโลก"

"มาตรการทั้งหมดนี้ที่ผมเสนอไป เป็นมาตรการที่เป็นไปตามหลักสากล และสามารถทำได้จริง และทำได้ทันที และหากมีการดำเนินการไปแล้ว ก็จะทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาอารยประเทศ และเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่ามีความเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ จากอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีฐานปฏิบัติการที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ จะทำให้ความชอบธรรมของกัมพูชาลดลงทันทีในเวทีโลก ซึ่งจะเป็นผลดีอย่างมากต่อการคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างไทย และกัมพูชาที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน"

นอกจากนี้"จากกรณีที่ ฮุน เซน ออกมาเปิดเผยว่า มีนักการเมืองไทย 7 คน เอาเงินมาฟอกที่กัมพูชา ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ด้วยเหตุผลนี้หรือไม่ ที่ทำให้ท่านนายกรัฐมนตรีไม่กล้าสั่งการให้ ปปง. และ บช.สอท. สืบสวนสอบสวนเส้นทางการเงินของกลุ่มทุนของประเทศกัมพูชา และแทบจะไม่พูดถึงมาตรการปราบปรามการฟอกเงินเลย ทั้งๆ ที่เป็นมาตรการที่แม่นยำ ได้ผล และส่งผลกระทบต่อประชาชนคนไทยในวงที่จำกัดกว่า เนื่องจากนักเมืองไทย 7 คนนั้นอาจจะเป็นคนในเครือข่าย หรือเป็นบุคคลใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรี หรืออาจจะเป็นรัฐมนตรี หรืออดีตรัฐมนตรีก็ได้ "

อย่างไรก็ตาม "ซึ่งถ้าหากเป็นรัฐมนตรี ก็ย่อมมีความผิดฐานปกปิด และรายงานบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย และถ้าเงินที่นำเอาไปฟอกเป็นเงินที่เกี่ยวพันกับการทุจริตคอร์รัปชั่น นายกรัฐมนตรีก็อาจจะต้องร่วมรับผิดด้วย เนื่องจากแต่งตั้งบุคคลที่ขาดความซื่อสัตย์สุจริตให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ผมคิดว่าได้เวลาที่เราจะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาเสียทีครับ ต่อให้นักการเมือง 7 คน ที่สมเด็จฮุน เซน ขู่จะเป็นใคร มีนามสกุลอะไร ใหญ่แค่ไหน รวยขนาดไหน ถ้าไปร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ปล่อยไว้ไม่ได้ครับ"

ขอบคุณข้อมูล : Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

นายกฯ ยินดี‘กลุ่มชาติพันธุ์’ฝันเป็นจริงได้บัตรปชช.มีสัญชาติไทย

13 นาทีที่แล้ว

รวบแล้ว! ‘พ่อ-ลูก’ ยิงแทงเพื่อนบ้านเจ็บตาย ให้การปฏิเสธ อ้างขู่วัยรุ่นด้วยมีดเท่านั้น

16 นาทีที่แล้ว

ประธานบอร์ดธนาคารที่ดิน เปิดกิจกรรม มีที่ทำกิน มีกิน มีใช้

20 นาทีที่แล้ว

ฉลองผลิตโตโยต้า commuter แสนคัน

20 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

มาตามนัด! มวลชนทยอยชุมนุมอนุสาวรีย์ชัยฯ EOD สุนัข K9 ตรวจพื้นที่โดยรอบ

เดลินิวส์

MOVIE STATION : แฉให้แหลก เฉือนให้คม กลมกลืนทุกวงการ ‘Yadang: The Snitch’

เดลินิวส์

พ่อค้ายาเหิม! โพสต์ขายไอซ์ผ่าน X โจ่งครึ่ม ส่งของทางพัสดุ ไม่รอดมือตร.ปอท.

เดลินิวส์
ดูเพิ่ม