"ชาวปราจีนฯ" ร้องได้รับผลกระทบโครงการวางและจัดทำผังเมืองรวม จี้ ยกเลิก
มีการจัดเวทีการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการวางและจัดทำผังเมืองรวมเมืองปราจีนบุรี ณ หอประชุมจังหวัดปราจีนบุรี โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัด นางจารุณี กาวิล เป็นประธานกล่าวเปิดงาน
ทั้งนี้ในที่การประชุมดังกล่าว นายวีระชัย ประมวญทรัพย์ ข้าราชการบำนาญ ซึ่งเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 15 ม.4 ต.บางบริบูรณ์ อ.เมือง ซึ่งได้รับผลกระทบหากผังเมืองฉบับนี้ประกาศใช้ ซึ่งในผังเมืองฉบับใหม่นี้ มีการวางแนวการตัดถนนเส้นใหม่ คือ ข.4 (ตามผังหมายเลข 1 ) ระยะทางประมาณ 1.9 กิโลเมตร ซึ่งจะต้องเวนคืนที่ดินซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยประมาณ 50 กว่าครัวเรือน รวมบ้านของตนเองด้วย
ซึ่งนายวีระชัย ประมวญทรัพย์ ยังกว่าวอีกว่า โครงการตัดถนนเส้นดังกล่าว ไม่มีความจำเป็นเลย เนื่องจากมีถนนเส้นเดิมที่ใช้ประโยชน์อยู่แล้ว และไม่คุ้มค่ากับการลงทุน รวมไปถึงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ซึ่งตนเองทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่ ช่วงเดือนตุลาคม 2565-2566 โดยมีหนังสือจากสำนักงานโยธาและผังเมืองจังหวัดปราจีนบุรี แจ้งมาถึงตนเพื่อ เชิญประชุมรับฟังความคิดเห็น โครงการวางและจัดทำผังเมืองรวมเมืองปราจีนบุรี โดยจัดในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งตนก็เข้าร่วม และแจ้งในเวทีประชุมไปว่าไม่สมควรสร้าง หากจำเป็นจริงๆทำไมไม่สร้างเส้นเลียบทางรถไฟซึ่งมีแนวถนนเดิมอยู่แล้วเพียงไปพัฒนาสร้างต่อส่วนขยายเพิ่มมีระยะทางเพียง 1.3 กิโลเมตร (ตามผังหมายเลข3) ใช้งบประมาณน้อยกว่า ไม่ต้องเวนคืนที่ดิน ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน จนล่าสุด ในปี 2568 เดือนมิถุนายน ก็มีหนังสือจากสำนักงานโยธาและผังเมืองจังหวัดปราจีนบุรี แจ้งมาให้เข้าร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็น โครงการวางและจัดทำผังเมืองรวมเมืองปราจีนบุรีอีก ซึ่งต้นได้เข้าไปศึกษาตามผังก็ไม่ได้มีการปรับแก้แต่อย่างใด แนวถนนก็ยังมีอยู่ วันนี้ตนจึงมายืนยันอีกครั้งว่าไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว รวมไปถึงการขยายถนนเส้น ทัศนวิถีซึ่งขยายจากเดิมประมาณ 6 เมตรเป็น16เมตร (ตามผังหมายเลข2) ซึ่งหากสร้างเส้นนี้ก็จะมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบอีกกว่า 100 หลังคาเรือน
นายวิโรจน์ น้อยสำเนียง ตัวแทนจากกลุ่มปราจีนเข้มแข็ง ได้ชี้แจงให้ถอดโรงงานลำดับที่ 101 105 และ 106 ออกจากบัญชีแนบท้าย ที่ตามร่างผังเมืองใหม่ฉบับนี้ อนุญาตให้สร้างได้ในพื้นที่สีเขียว เนื่องจากพื้นที่สีเขียวตามกฎหมายผังเมืองนั้น เป็นพื้นที่สำหรับทำเกษตรกรรม หรือกิจกรรมการผลิตที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่โรงงานดังกล่าว ล้วนเป็นโรงงานที่เกี่ยวข้องกับขยะอุตสาหกรรมซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการปนเปื้อนในพื้นที่ จะกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและอาชีพเกษตรกรรมในพื้นที่