คำสาปปราสาทตาเมือนธม "จงตกนรกขุมที่ลึกที่สุดสิ้นกาล" เอาไว้สาปใครไทยหรือเขมร?
ปราสาทตาเมือนธมมีจารึกสลักไว้เหมือนปราสาทหินโบราณทั่วๆ ไป เนื้อหาส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ กัน คือ บอกว่าใครเป็นผู้สร้างปราสาท สร้างแล้วถวายให้พระเจ้าองค์ไหน ถวายแล้วให้ใครดูแล คนดูแลมีใครบ้าง และปิดท้ายด้วยคำสาปประมาณว่า "ถ้าใครทำลายปราสาทขอให้มันมีอันเป็นไป"
คำสาปตามปราสาทต่างๆ ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่ก็ทำนองนี้ คือ หวังว่าผู้คนจะช่วยรักษาปราสาทให้ถาวรต่อไป อย่าคิดปล้นชิงของมีค่า หรือแม้แต่ปล่อยปละละเลย
ไม่มีรอกครับที่สาปแช่งให้ประเทศไหนๆ ล่มจม นั่นมันป็น 'นิยายสมัยใหม่' ที่แต่งขึ้นมาเพื่อหลอกตัวเอง
'คำสาป' ของปราสาทตาเมือนธมก็เหมือนกัน มีแค่สองบรรทัด เนื้อความบอกแค่ว่า
1.สาปไว้ว่า "ข้าทาสที่อยู่ประจําเทวสถานนี้ ซึ่งพวกเขายุยงให้ข้าทาสที่อยู่ประจําเหล่านี้กระด้างกระเดื่องต่อบุตรหลานของเตง ปิตเถฺว ข้าพเจ้าจึงปรารถนาให้พวกเขาตกนรกชั่วโกฏิกัลป์"
เตง ปิตเถฺว ในที่นี้คือเจ้าของที่ดินที่ใช้สร้างปราสาทตาเมือนธม ข้าทาสก็คือคนที่ถูก เตง ปิตเถฺว ถวายให้เป็นผู้ทำงานรับใช้ปราสาทหรือเทวาลัยแห่งนี้ เพื่อไม่ให้ทาสเหล่าแข็งข้อหลังจากที่เขาตายไปแล้ว เตง ปิตเถฺว จึงสาปว่าถ้าไม่เชื่อฟังลูกหลานของข้า พวกเอ็งจะต้องตกนรกชั่วกัปชั่วกัลป์
2. สาปไว้ว่า "ขอผู้ทําลายฐานที่ก่อไว้นี้พร้อมกับญาติพวกพ้องทั้งปวงจงตกนรกขุมที่ลึที่่สุดสิ้นกาล … มหาโกฏิ"
คำสาปนี้มีไว้แช่งผู้ที่ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือฐานที่ก่อไว้ครอบ (สวยัมภูลึงค์?) พระเป็นเจ้าประจำปราสาท คำสาปนี้เป็นฟอร์แมทเดียวกับตามปราสาทหรือจารึกต่างๆ ที่มักจะห้ามคนเอาไว้เนิ่นๆ ไม่ให้มาปล้นทำลายเทวาลัย เพราะของมีค่าและของถวายมันเยอะ และไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อในพระเจ้า
อย่างในสมัยเขมรโบราณ จารึกต่างๆ มักจะประกอบด้วยภาษาสันสกฤตเอาไว้สรรเสริญพระเจ้า พระราชา เชื้อพระวงศ์ และพรรณนาความงดงามของสวรรค์และเวียงวัง ส่วนที่เป็นภาษาเขมรมักจะกล่าวว่าใครเป็นผู้ตั้งจารึกไว้ ถวายอะไรบ้าง และปิดท้ายด้วยคำสาปแช่ง
เนื่องจากคำสาปแช่งนี้เป็นภาษาเขมร ผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ไม่แตกหรือมีเจตนาแอบแฝงจึงมักจะโมเมว่าผู้ตั้งจารึกไม่ใช่คนเขมรหรอก แต่เป็นคนชาติอื่นที่ที่มีอารยธรรมเหนือกว่าคนเขมร แล้วเขียนคำแช่งเป็นภาษาเขมรก็เพื่อกดพวกเขมรเอาไว้
ความจริงก็คือ เจ้าในวังก็เป็นคนพูดเขมร ข้าราชบริพารก็เขมร ไพร่ฟ้า ข้าทาสก็เป็นเขมร แม้แต่รัฐประเทศราชก็ต้องเขียนเขมร เพราะเขมรเป็นภาษากลาง หรือ Lingua franca ของรัฐโบราณในดินแดนประเทศไทย กัมพูชา และลาวสมัยโบราณอยู่ช่วงหนึ่ง ต่อมาเหลือแต่ตัวอักษรเขมรหรืออักษรขอมเท่านั้นที่เป็น Lingua franca ในทางวัฒนธรรม ส่วนภาษาเขมรที่เอาไว้พูดหมดความสำคัญลงไป และต่อมาแม้แต่อักษรขอมนันก็เหลือแค่ไทยที่ใช้ในฐานะอักษรทางศาสนานอกกัมพุชเทศ
ความเชื่อผิดๆ เรื่อง ขอม/เขมร ทำให้คนคิดว่าคำสาปที่สามัญธรรมดา มีอยู่ทั่วไป และไม่ได้แช่งใครเป็นการเฉพาะ กลายเป็นคำสาปแช่งชนชาติใดชนชาติหนึ่งไป เพื่อบอกว่า "เขมรมันชั่วจึงต้องถูกแช่ง"
ตั้งแต่ก่อนที่มันจะเป็นของโบราณแล้ว ผู้คนสามัญ เช่น ชนชั้นไพร่และท่าสก็ไม่ได้เห็นค่าของมันนอกจาก "เป็นที่เก็บของมีค่าของชนชั้นสูง" ดังนั้น พวกชนชั้นสูงจึงต้องแช่งเอาไว้เพื่อกันไม่ให้คนชั้นล่างทำลายสิ่งมีค่าทางจิตวิญญาณของพวกเขา
โปรดทราบว่า ศาสนาพราหมณ์นั้นแบ่งชนชั้นวรรณะ แม้การแบ่งวรรณะแบบอินเดียจะไม่ชัดเจนนักในกัมพูชา แต่ก็ยังมีการแบ่งเป็นชนชั้นเจ้าและชนชั้นทาส โดยที่ชนชั้นทาสมีค่าเป็นแค่สิ่งของที่ถูกซื้อ ถูกขาย และถูกถวายให้ใครก็ได้
ส่วนไพร่ก็ถูกบีบคั้นจาพวกชนชั้นเจ้าและขุนนางให้ทำนาแล้วเสียภาษีให้ชนชั้นสูงกว่า เท่านั้นไม่พอชนชั้นเจ้ายังเอาภาษีนั้นมาสร้างปราสาทแล้วยังเกณฑ์แรงงานไพร่ไปสร้างปราสาทอีก โดยที่ไพร่และทาสไม่มีส่วนในการเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนั้น
ชนชั้นสูงจึงรู้ดีว่าชนชั้นล่าง "ไม่ภักดีต่อตนแน่ๆ" จึงสาปเอาไว้เพื่อรู้หากมีโอกาสชนชั้นล่างต้องทำลายปราสาทและปล้นปราสาทแน่ๆ โดยเฉพาะปราสาทในแดนไกลเมืองหลวงอย่างปราสาทตาเมือนธม
เราจะเห็นได้ว่า ปราสาทหลายแห่งพังทลายลงมาอย่างน่าพิศวงทั้งๆ ที่ก่อด้วยหินก้อนใหญ่ๆ เช่น ปราสาทประธานของเขาพระวิหาร ที่ล้มลงเหมือนมีคนกวาดทิ้งด้วยมือยักษ์ แต่หากพิจารณาดีๆ จะพบว่า ยอดปราสาทที่ทำหน้าที่เหมือนเป็น 'สลัก' ที่ยึดปราสาทไว้ทั้งหลัง ถูกดึงออกด้วยกำลังคน อาจเป็นการผูกด้วยเชือกแล้วช่วยกันฉุดกระชากออกมา ให้ปราสาทล้มลง
มีหลายแห่งที่สภาพเป็นแบบนี้ มีผู้เชื่อว่าเพราะชนชั้นล่างทำการ 'ปฏิวัติโค่นล้ม' ชนชั้นสูงที่กดขี่พวกเขาแล้วทำการทำลายปราสาทอันเป็นสัญลักษณ์แห่งการกดขี่แรงงานเสีย บ้างก็ว่าเป็นการปล้นหาสิ่งมีค่าที่ซ้อนในปราสาทด้วยการทำให้มันล้มลง
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ความรู้สึกหวาดระแวงจนต้องสาปแช่งไว้บนก้อนหิน มีมาแต่ยุคโบราณแล้ว แต่สุดท้ายปราสาทพวกนี้ก็ถูกปล้นและทำลายโดยคนรุ่นหลังๆ อยู่ดี
แม้แต่สวยัมภูลึงค์ (ลึงค์ของพระเจ้าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ) ที่เป็นประธานในปราสาทตาเมือนธม ผมดูสภาพแล้วก็ยังอาจถูกเซาะทำลายจนเหลือแค่ฐานเตี้ยๆ แทนที่จะ 'ชูชัน' เหมือนสวยัมภูลึงค์ทั่วๆ ไป นั่นหมายความว่าคำสาปที่แช่งไว้ว่า "ขอผู้ทําลายฐานที่ก่อไว้นี้พร้อมกับญาติพวกพ้องทั้งปวงจงตกนรกขุมที่ลึที่่สุดสิ้นกาล … มหาโกฏิ" ได้ถูกล่วงละเมิดแล้ว
แต่เราไม่มีทางรู้ว่า "ผู้ทําลายฐานที่ก่อไว้นี้" ตกนรกหมกไหม้หรือเปล่า?
มาถึงยุคปัจจุบัน คำสาปในปราสาทตาเมือนธมก็ยังอยู่ในรูปของจารึก และก็เช่นกันเราไม่รู้ว่าถ้ามีคน "มุ่งร้าย" ต่อปราสาทตาเมือนธม คนๆ นั้นจะถูกพลังแห่งคำสาปเล่นงานหรือไม่
ผมรู้ว่าประเทศไทยดูแลปราสาทตาเมือนธมอย่างดี ไม่ได้สักแต่ว่าอยากได้เป็นเจ้าของแต่ในนาม แล้วก็ปล่อยให้อยู่ในป่าในพงต่อไป เหมือนบางประเทศที่อยากจะเป็นเจ้าของปราสาทหินทั้งปวง แต่เงินจะยาไส้ยังไม่พอ แล้วจะมีปัญญาดูแล 'ปราสาทของพระผู้เป็นเจ้า' ได้อย่างไร?
ปล่อยทิ้งๆ ขว้างระวังถูกคำสาปเล่นงานเอานะโว้ย เพื่อนบ้าน
ส่วนคนไทยเรานั้นพร้อมเพรียงทุกประการทั้งคุณสมบัติและทรัพย์สมบัติที่จะเป็น 'ผู้ดูแล' ปราสาทของพระผู้เป็นเจ้า แถมยังเป็นพวกมือไม้อ่อนและเป็นพวกศรัทธาจริต แม้ไม่เห็นตัวเทพยดาฟ้าดิน แต่ก็เชื่อถือศรัทธากราบไว้อย่างนอบน้อม
ที่ปราสาทตาเมือนธมมี 'ตัวตน' ของพระเจ้าอยู่แท้ๆ คือ สวยัมภูลึงค์ แล้วคนไทยจะไม่รักและเคารพได้อย่างไร
ดังนั้น หากเราไหว้ดีพลีถูก อย่าว่าแต่พระเจ้าแห่งตาเมือนธมจะโปรดปรานคนไทยเราเลย ท่านยังอาจลงทัณฑ์พวกบังอาจที่อยากจะเป็นเจ้าของปราสาทไปด้วยความอยุติธรรมด้วย
อย่าเห็นตาเมือนธมเป็นแค่ปราสาท แต่ให้เป็นเทวาลัยของพระเจ้าที่จะช่วยปกปักษ์รักษาดินแดนของคนไทย ผู้นอบน้อมต่อสิ่งศักดิ์ด้วยใจจริง
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - ภาพประกอบเรื่อง Nakhon Thom [Angkor Wat], Cambodia. Photograph, 1981, from a negative by John Thomson, 1866. / Wellcome Collection