ยอดจองโรงแรมลดทั่วประเทศ ธุรกิจท่องเที่ยวลุ้น ‘คนละครึ่ง’
ท่องเที่ยวครึ่งปีแรก ต่างชาติเที่ยวไทย 17.75 ล้านคน ลดลง 5% มาเลเซียอันดับ 1 ตามมาด้วยจีนและอินเดีย กังวลช่วงโลว์ซีซั่นหดตัวหนักกว่าปีที่แล้ว นายกสมาคมโรงแรมเผยยอดเข้าพักลดลงเกือบทุกภาค ยอดจองปลายปีเริ่มเห็นสัญญาณบวก พัทยายังทรงตัว-ภูเก็ตเจอข่าวร้ายกระหน่ำหดตัว เชียงใหม่คนจีนหายกว่า 30%
ครึ่งปีต่างชาติมาไทย 17.7 ล้านคน
สถานการณ์ภาพรวมการท่องเที่ยวไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2566 เผยว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม-13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมรวม 17.75 ล้านคน ลดลง 5.62% โดยตลาดที่มีจำนวนสูงสุด 5 อันดับแรกคือ มาเลเซีย 2.45 ล้านคน จีน 2.43 ล้านคน อินเดีย 1.26 ล้านคน รัสเซีย 1.06 ล้านคน และเกาหลีใต้ 8.16 แสนคน
จำนวนนักท่องเที่ยวรายเดือนลดลงอย่างชัดเจนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ กล่าวคือ เดือนมกราคม 3.71 ล้านคน กุมภาพันธ์ 3.12 ล้านคน มีนาคม 2.72 ล้านคน เมษายน 2.54 ล้านคน พฤษภาคม 2.26 ล้านคน มิถุนายน 2.32 ล้านคน และวันที่ 1-13 กรกฎาคม 1.06 ล้านคน
จว.หลักรายได้เพิ่มถ้วนหน้า
หากแยกรายจังหวัดในช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน 2568) จังหวัดที่มีนักท่องเที่ยว (ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ) สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ จำนวน 26.65 ล้านคน ลดลง 5.02% รายได้รวม 425,750 ล้านบาท ลดลง 4.95% อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 75.11% ลดลง 4.23% ตามด้วยชลบุรี จำนวน 13.67 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.38% มีรายได้ 155,799 ล้านบาท ลดลง 0.34% อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 80.00% เพิ่มขึ้น 2.38%
กาญจนบุรี จำนวน 7.33 ล้านคน ลดลง 0.06% มีรายได้ 18,706 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.86% อัตราเข้าพักเฉลี่ย 67.80% เพิ่มขึ้น 1.67% ภูเก็ต จำนวน 6.75 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.87% มีรายได้ 258,198 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 79.50% เพิ่มขึ้น 0.29% และเชียงใหม่ จำนวน 6.03 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.68% มีรายได้ 54,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.51% มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 77.66% เพิ่มขึ้น 2.42%
เข้าเดือน ก.ค.ร่วงต่อเนื่อง
ส่วนภาพรวมตลาดท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ข้อมูลจากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (Hotel Business Operator Sentiment Index) ประจำเดือนมิถุนายน 2568 พบว่า เดือนมิถุนายน 2568 โรงแรมทั่วประเทศมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 54% ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่มีอัตราเฉลี่ยที่ 56% แต่สูงกว่าช่วงเดือนเดียวกันในปี 2567 ที่มีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 52%
หากแยกตามภูมิภาคพบว่า ภาคกลางเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงสุดที่ 61% เท่ากับเดือนก่อนหน้า รองลงมาคือ ภาคตะวันออก เฉลี่ย 58.7% ภาคใต้ เฉลี่ย 45% ลดลงจากเดือนก่อนที่มีอัตราเฉลี่ยที่ 51.1% ส่วนภาคเหนือยังคงเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเข้าพักต่ำสุด เฉลี่ยที่ 29.2% ใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่เฉลี่ย 30.4%
โลว์ซีซั่นแย่กว่าปีที่แล้ว
คาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศของธุรกิจโรงแรมไทยในเดือนกรกฎาคมนี้จะอยู่ในระดับ 52% ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่อยู่เฉลี่ย 59% ซึ่งเป็นการลดลงตามฤดูกาล หรือช่วงโลว์ซีซั่น และตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงลดลงต่อเนื่องทุกเดือนนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นมา
“โลว์ซีซั่นปีนี้หนักกว่าปีที่แล้ว เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวรวมเทียบกับปีที่แล้วลดลงทุกเดือนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และเชื่อว่าจะยังลดลงต่อเนื่องในเดือนกรกฎาคม สิงหาคมนี้ ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่ออัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศที่จะลดลงไปอีกเช่นกัน โดยเฉพาะโรงแรมในกลุ่มที่เดิมมีฐานลูกค้าเป็นตลาดกรุ๊ปทัวร์” นายเทียนประสิทธิ์กล่าว
เที่ยวคนละครึ่งช่วยกำลังใจ
นายเทียนประสิทธิ์กล่าวถึงโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ด้วยว่า มีงบประมาณเพียงแค่ 1,750 ล้านบาท จำนวน 500,000 สิทธิ สำหรับดำเนินโครงการ 4 เดือน หากเฉลี่ยงบประมาณจะอยู่ที่ 400 ล้านบาทต่อเดือน นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนี้มีโรงแรมเข้าโครงการประมาณ 3,500 แห่ง เฉลี่ยได้กันคนละไม่มาก
โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งที่ออกมานั้นเรามองว่า เป็นโครงการที่ออกมาให้กำลังใจและช่วยสร้างความหวังให้กับผู้ประกอบการโรงแรม และภาคการท่องเที่ยวของไทยมากกว่า ไม่สามารถคาดหวังในด้านอัตราการเข้าพักได้
บุ๊กกิ้งไฮซีซั่นปลายปีเริ่มขยับ
นายเทียนประสิทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโรงแรมในกลุ่มลักเซอรี่ส่วนใหญ่จะสามารถปรับตัวและประคองตัวเองให้อยู่รอดได้ ส่วนโรงแรมขนาดเล็กหรือระดับ 3 ดาว แม้ว่าส่วนใหญ่จะใช้กลยุทธ์ราคาถูก แต่ยังไม่สามารถดึงลูกค้าได้ จึงยังกระทบหนักเช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับสมาชิกสมาคมโรงแรมไทยพบว่า โรงแรมหลายแห่งก็เริ่มมียอดการจองล่วงหน้า (Booking Forward) สำหรับช่วงไฮซีซั่นปลายปี (ตุลาคม-ธันวาคม) เข้ามาแล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกที่ดีของภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ภูเก็ตอ่วมจี้รัฐกระตุ้นท่องเที่ยว
ส่วนภาพรวมการท่องเที่ยวจังหวัดหลัก ๆ เริ่มจากภูเก็ต จากการสอบถามผู้ประกอบการรายย่อย ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า ของที่ระลึก แหล่งช็อปปิ้ง ย่านเมืองเก่าภูเก็ต ระบุว่า ขายของได้น้อยลง นักท่องเที่ยวหายไปประมาณ 60-70% เข้าใจว่า ช่วงนี้เป็นโลว์ซีซั่น ขณะที่เศรษฐกิจ การเมือง รวมทั้งข่าวความไม่ปลอดภัยด้านต่าง ๆ ทำให้กระทบท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในช่วงนี้เป็นนักท่องเที่ยวอินเดียและอาหรับ นิยมเดินมากกว่าที่จะซื้อสินค้า ส่วนนักท่องเที่ยวจีนมีน้อยมาก
เชียงใหม่-จีนเที่ยวน้อยลง
นางสาววารุณี คำเมรุ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะต่างชาติ ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายประการ ทั้งนี้ โดยปกติอัตราการเข้าพักของโรงแรม (Occupancy Rate) ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ก่อนช่วงโควิดจะอยู่ที่ราว 70% แต่ปีนี้ลดลงเหลือเพียง 50% และบางโรงแรมลงไปถึง 40%
กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่หายไปมากกว่า 70% จากเดิมที่เคยเดินทางผ่านสนามบินเข้าเชียงใหม่วันละ 3,000-4,000 คน คาดว่าปัจจัยสำคัญที่ตลาดจีนหายไปมากขนาดนี้ น่าจะมาจากความกังวลในเรื่องความปลอดภัย และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่วนกลุ่มคนไทยก็ชะลอเดินทางอย่างเห็นได้ชัด ผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างมาก ขณะที่นักท่องเที่ยวคนไทยบางส่วนอาจรอใช้สิทธิ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง”
“พัทยา” ทรงตัว-หวังคนละครึ่ง
นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี กล่าวว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวและยอดบุ๊กกิ้งเมืองพัทยาในช่วงโลว์ซีซั่นยังทรงตัว ด้วยเมืองพัทยามีความได้เปรียบ เพราะเป็นเมืองชายทะเลที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ตลาดเอเชียตัวเลขเพิ่มขึ้นเล็กน้อยโดยเฉพาะตลาดจีนเพิ่มขึ้น 5% เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าไม่ฟื้นกลับมาเต็มที่ เพราะตลาดจีนยังคงติดลบ 30% ในขณะที่ตลาดเกาหลีติดลบ 20% ส่วนตลาดยุโรปค่อนข้างเงียบเป็นปกติในช่วงโลว์ซีซั่น
ขณะที่กลุ่มตลาดไทยที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักกว่า 50% แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและกำลังซื้อของคนไทยที่อ่อนลง หวังว่าโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ตลาดนักท่องเที่ยวไทยฟื้นกลับมา นอกจากนี้ตลาดประชุมสัมมนาของภาครัฐ ยังทรงตัวไปได้จนถึงช่วงเดือนกันยายน ขณะที่การสัมมนาของภาคเอกชนกลับลดลง 20-30%
เงินบาทแข็งกระทบเช่นกัน
“นักท่องเที่ยวจีนหาย แต่ยังมีตลาดต่างประเทศอื่น เช่น อินเดีย ทำให้บางโรงแรมที่เคยรับกลุ่มลูกค้าจีนเปลี่ยนมารับอินเดียแทน ขณะที่โรงแรมมีการแข่งขันกันทำธุรกิจ มีการตัดราคาลงมา กลุ่มโรงแรม 4 ดาว ค่าห้องพักจาก 2,000-3,000 บาทต่อคืน ก็ตัดราคาลงมาเหลือ 1,000 กว่าบาทต่อคืน”
นายธเนศกล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้สถานการณ์โดยรวมทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะเรื่อง “ค่าเงินบาทแข็ง” เป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างมาก ที่ผ่านมาอัตราการแลกเปลี่ยนเงิน 1 ยูเอสดอลลาร์ แลกเป็นเงินไทย 35-36 บาท ปัจจุบันเหลือเพียง 32 บาท หรือแม้แต่เงินหยวนจีน 1 หยวน เคยแลกเป็นเงินไทยได้ 5 บาท แต่ปัจจุบันเหลือ 4.5 บาท จึงทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้สึกว่าเขามีกำลังซื้อลดลง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ยอดจองโรงแรมลดทั่วประเทศ ธุรกิจท่องเที่ยวลุ้น ‘คนละครึ่ง’
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net