ทำไมถึงเรียกรองเท้าฟุตบอลว่า “สตั๊ด”?
หากคุณเคยดูหรือเล่นฟุตบอล คำว่า “สตั๊ด” คงคุ้นหูเป็นอย่างดี เพราะมักถูกใช้เรียกรองเท้าฟุตบอลโดยทั่วไปในประเทศไทย
แต่เคยสงสัยไหมว่า คำว่า “สตั๊ด” มาจากไหน? และทำไมถึงกลายมาเป็นชื่อเรียกรองเท้าฟุตบอล?
“Studs” ไม่ใช่ชื่อรองเท้า แต่คือปุ่มใต้รองเท้า
ในความจริงแล้ว คำว่า "สตั๊ด" (Studs) นั้นไม่ได้หมายถึงรองเท้าโดยตรง แต่หมายถึง ปุ่มใต้รองเท้า ที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถยึดเกาะพื้นสนามได้ดีขึ้น โดยเฉพาะสนามหญ้าธรรมชาติซึ่งมักลื่นและไม่เรียบ
คำว่า "Stud" ในภาษาอังกฤษแปลว่า “ปุ่ม” หรือ “เดือย” และเมื่อพูดถึงรองเท้าฟุตบอลก็จะหมายถึงปุ่มแหลมหรือกลมที่ติดอยู่ใต้พื้นรองเท้า ทำจากยาง พลาสติก หรือโลหะ ที่ช่วยเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างเท้ากับพื้นสนาม ทำให้ผู้เล่นสามารถวิ่ง, เลี้ยว หรือหยุดได้อย่างมั่นคง
แล้วทำไมถึงใช้เรียกรองเท้าทั้งคู่?
ในภาษาไทย ผู้เล่นฟุตบอลมักใช้คำว่า “สตั๊ด” แทนคำว่า "รองเท้าสตั๊ด" หรือ "รองเท้าฟุตบอลแบบมีปุ่ม" ซึ่งกลายเป็นคำเรียกสั้นๆ ที่แพร่หลายมากกว่าในหมู่ผู้เล่นทั่วไป โดยเฉพาะนักเรียน นักกีฬา หรือแฟนบอล
ความนิยมของคำว่า “สตั๊ด” ในภาษาไทยนั้นมาจากการหยิบคำสำคัญในภาษาอังกฤษมาใช้โดยตรง ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป เช่น “บู๊ต” (boots), “โกล” (goal), หรือ “ฟรีคิก” (free kick) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นคำที่สื่อสารได้ง่ายในแวดวงฟุตบอล
ประเภทของสตั๊ด
รองเท้าสตั๊ดมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับสภาพสนาม เช่น:
- FG (Firm Ground): สำหรับสนามหญ้าจริงทั่วไป
- SG (Soft Ground): สำหรับสนามหญ้าเปียกหรือสนามโคลน ปุ่มจะยาวและแข็งแรง
- AG (Artificial Ground): สำหรับสนามหญ้าเทียม
- TF (Turf): สำหรับสนามหญ้าเทียมแบบแบน ใช้ปุ่มเล็กจำนวนมาก
- IC (Indoor Court): สำหรับสนามในร่ม ไม่มีปุ่ม แต่มีพื้นกันลื่น
บทสรุป
คำว่า “สตั๊ด” ที่เราใช้เรียกรองเท้าฟุตบอลนั้น แท้จริงมาจากคำว่า "studs" ซึ่งหมายถึงปุ่มใต้รองเท้า โดยกลายเป็นคำเรียกย่อในภาษาไทยที่ใช้กันทั่วไปจนเป็นที่เข้าใจตรงกัน
ดังนั้น ครั้งหน้าที่คุณได้ยินคำว่า "ใส่สตั๊ดมาด้วยนะ" ก็รู้ไว้เลยว่าไม่ใช่แค่รองเท้าทั่วไป แต่หมายถึงรองเท้าที่พร้อมลุยในสนามฟุตบอลอย่างแท้จริง!