สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 29 ก.ค. 68
1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ จ.น่าน (195 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.มุกดาหาร (115 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (41 มม.) ภาคกลาง : จ.สระบุรี (17 มม.) จ.จันทบุรี (92 มม.) ภาคใต้ : จ.ระนอง (34 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 30 ก.ค.– 3 ส.ค. 68 ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 62% ของความจุเก็บกัก (49,960 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 44% (25,843 ล้าน ลบ.ม.)
3. พื้นที่ประสบอุทกภัย : สถานการณ์อุทกภัย วันที่ 27 ก.ค. 68 ในพื้นที่ 4 จ. 24 อ. ได้แก่ จ.เชียงราย (อ.เทิง ขุนตาล แม่สาย และพญาเม็งราย) จ.น่าน (อ.เมืองน่าน ภูเพียง ปัว เชียงกลาง ท่าวังผา เฉลิมพระเกียรติ เวียงสา บ่อเกลือ บ้านหลวง และแม่จริม) จ.แพร่ (อ.เมืองแพร่ สอง เด่นชัย หนองม่วงไข่ สูงเม่น ลอง และวังชิ้น) และ จ.สุโขทัย (อ.เมืองสุโขทัย ศรีสำโรง และสวรรคโลก)
4. ข่าวประชาสัมพันธ์ : เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 68 นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่ตรวจราชการบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง พร้อมติดตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการติดตามการดำเนินงานตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง และเตรียมรับมือน้ำเหนือหลาก โดยที่ผ่านมามีการเตรียมความพร้อมไว้อย่างครอบคุมทั้งพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ชี้เป้าและแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม การวางแผนปรับเกณฑ์บริหารจัดการน้ำและอ่างเก็บน้ำตามสถานการณ์ การเตรียมความพร้อมอาคารชลศาสตร์ โทรมาตร เครื่องจักรเครื่องมือต่าง ๆ การตรวจสอบความแข็งแรงปลอดภัยของคันกั้นน้ำ ทำนบ พนังกั้นน้ำและเขื่อน รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพทางระบายน้ำ เป็นต้น และเพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2568 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพได้ขอให้กรมชลประทานเร่งดำเนินงานตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเคร่งครัด โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมบริเวณคันกั้นน้ำต่ำ โดยเฉพาะคลองระพีพัฒน์แยกใต้ (คลอง 13) กม.13+400 ให้เร่งเสริมคันดินตามแนวคลองยาวประมาณ 4 กิโลเมตร รวมถึงสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการรับน้ำเข้าทุ่งลุ่มต่ำ 10 ทุ่งในพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการรองรับและชะลอน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบน เพื่อลดผลกระทบในพื้นที่ชุมชน โดยได้มอบหมายให้กรมชลประทานเร่งส่งผลการทำประชามติการรับน้ำเข้าทุ่งเพื่อให้ สทนช. รายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ทราบต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 28 ก.ค. 68