โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘โซเชียลปั่นเกลียดชัง’น่าห่วง ‘แรงงานข้ามชาติ’กลางขัดแย้ง

แนวหน้า

เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

“เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ทราบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีอารมณ์โกรธเคือง แต่หากไปก่อเหตุรุนแรงหรือทำร้ายร่างกายคู่ขัดแย้งก็จะถูกดำเนินคดีทุกกรณี เพราะถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย พร้อมขอให้ประชาชนระมัดระวังการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสมในโซเชียลมีเดีย หรือสื่อสังคมออนไลน์ เพราะอาจจะกลายเป็นการจุดฉนวนให้เหตุการณ์บานปลาย จนกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”

คำเตือนจาก พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 หลังมีรายงานชาวกัมพูชาในประเทศไทยถูกทำร้ายร่างกาย และมีการเผยแพร่คลิปวีดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวในสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด เมื่อกัมพูชาเปิดฉากยิงอาวุธข้ามพรมแดนโจมตีเข้ามาในพื้นที่ของไทย ในช่วงรุ่งเช้าของวันที่ 24 ก.ค. 2568 ทำให้มีพลเรือนในไทยเสียชีวิตหลายราย จนนำไปสู่การตอบโต้ของฝ่ายไทย และมีการปะทะกันทางทหารของทั้ง 2 ประเทศอย่างดุเดือด

ในวันที่ 25 ก.ค. 2568 ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เตือนประชาชน “รักชาติอย่างมีสติ คนไทยรักชาติ แต่คนไทยจะไม่ทำผิด” โดยระบุถึงเหตุการณ์ทำร้ายชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราจะต้องแยกแยะ ระหว่างเรื่องของบุคคลกับปัญหาที่เกิดขึ้น

“มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 297 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองแสนบาท” โพสต์จากเพจตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ต้องบอกว่าอารมณ์สังคมไทย “คุกรุ่น” มาตั้งแต่ก่อนปะทะในระลอกล่าสุด เนื่องจากความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชามีลักษณะ “ยั่วยุ” อยู่ตลอด แม้ในช่วงที่ไม่มีสถานการณ์รุนแรงทางการทหาร เช่น มีการรวมตัวกันของชาวกัมพูชา ไปทำกิจกรรมแสดงสัญลักษณ์อ้างความเป็นเจ้าของปราสาทโบราณที่อยู่ในเขตแดนของไทย หรือการอ้างศิลปวัฒนธรรม ประเพณีเทศกาลต่างๆ ของไทย กล่าวหาว่าลอกเลียนแบบไปจากกัมพูชา ซึ่งบนโลกออนไลน์นั้นชาวเน็ตไทยก็มีการใช้คำว่า “เคลมโบเดีย” ตอบโต้พฤติกรรมดังกล่าวของชาวกัมพูชามาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม นอกจากคำเตือนจากทางตำรวจแล้ว บรรดา “อินฟลูเอนเซอร์” ผู้มีบทบาทชี้นำสังคมออนไลน์ ได้ประสานเสียงกันตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 2568 “เบรก” บรรดาชาวเน็ตหัวร้อนทั้งหลายที่นัดรวมตัวกันจะไปทำร้ายร่างกายชาวกัมพูชาที่มาทำงานในประเทศไทย ว่านอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยัง “เข้าทางฝ่ายตรงข้าม” ที่จะนำไป “ขยายผล” ปั่นกระแสในเวทีโลกว่าไทยมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำให้ประเทศไทยเสียภาพลักษณ์ในสายตานานาชาติ ก็ดูจะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายลงด้วยดีเพราะสังคมไทยมีความเข้าใจมากขึ้น

ถึงกระนั้น ปัญหากระทบกระทั่งระหว่างชาวไทยกับแรงงานข้ามชาติมีมาเป็นระยะๆ และไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับชาวกัมพูชา ยังรวมไปถึงชาวเมียนมา ซึ่งเป็นแรงงานข้ามชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดในไทย จากความเชื่อที่มีมานาน เช่น “แรงงานข้ามชาติแย่งงานคนไทย” รวมไปถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของแรงงานข้ามชาติบางส่วน อาทิ ตั้งกลุ่มแก๊งออกก่อความเดือดร้อนรำคาญในชุมชนโดยรอบ ทำให้เกิดอคติแบบเหมารวมขึ้น

ผู้สื่อข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับ สมพงษ์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) องค์กรพัฒนาเอกชนซึ่งทำงานด้านแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 ที่แสดงความเป็นห่วงการใช้สื่อสังคมออนไลน์ เมื่อปัจจุบันทุกคนมีสื่ออยู่ในมือ เสพสื่ออย่างไวและตัดสินใจเร็วเพียงเสี้ยววินาทีว่าคนนั้นไม่ดี หรือคนที่อยากมีแสงแล้วเป็นสื่อแบบไม่มีจรรยาบรรณ เหมารวมโดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง และบางครั้งก็มีสื่อกระแสหลักบางสำนักหยิบไปนำเสนอด้วย โหมกระหน่ำกันไปทำให้การอยู่ร่วมกันเป็นไปได้ยากขึ้น

“เขามาอยู่เมืองไทยด้วยปัจจัยที่ผลักเขามาจริงๆ มันไม่ใช่แค่ความยากจนนะ ถ้าพม่า (เมียนมา) ก็เป็นเรื่องขัดแย้งทางการเมือง สู้รบ – บีบเกณฑ์ทหาร มันจำเป็นต้องมา ถ้าประเทศเขาดี เศรษฐกิจดีเขาไม่มาหรอก แต่ที่เขามาตรงนี้ก็ต้องขอบคุณประเทศไทย เราก็ต้องขอบคุณเขาด้วยในฐานะที่เราขาดแคลนแรงงาน เราขาดทุนมนุษย์ ขาดปัจจัยการผลิต ไม่มีเขาเราก็อยู่ยาก เขาไม่มีเราเขาก็อยู่ไม่ได้เพราะไม่มีเงินไม่มีรายได้ ต่างพึ่งพาอาศัยกัน ที่จะทำอย่างไรให้ทุกคนเห็นอกเห็นใจกัน มองมนุษย์เท่ากัน” สมพงษ์ กล่าว

วันที่ 23 ก.ค. 2568 หรือ 1 วันก่อนหน้าการปะทะกันตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ระลอกล่าสุด ผู้สื่อข่าวยังได้พูดคุยกับ สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในประเด็นนี้ ว่า เรื่องการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ในสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะมองแรงงานข้ามชาติในแง่ลบ เข่น มาแย่งงานคนไทยบ้าง ก่อให้เกิดโรคระบาดบ้าง เรื่องเหล่านี้ได้ยินมาตลอด แต่อีกด้านหนึ่ง “ประเทศไทยก็ต้องการแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในงานที่คนไทยก็ไม่ทำแล้ว” อย่างที่เรียกกันว่า “งาน 3D” คือ Dirty (สกปรก) Dangerous (อันตราย) และ Difficult (ยากลำบาก)

นอกจากนั้น “สังคมไทยปัจจุบันยังเข้าสู่ยุคคนเกิดน้อยลงและกลายเป็นสังคมสูงวัยเต็มตัว” มีผู้สูงอายุจำนวนมาก อย่างสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. – สภาพัฒน์) ก็เคยพยากรณ์ไปประมาณ 20 - 25 ปีข้างหน้า แล้วมีข้อกังวลว่าประเทศไทยอาจขาดแคลนแรงงาน อย่างในอดีตไทยเคยมีเด็กเกิดใหม่เฉลี่ย 1 ล้านคนต่อปี แต่ล่าสุดเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา กลับมีเด็กเกิดใหม่ไม่ถึง 5 แสนคน ส่วนเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการที่บอกว่าจริงๆ แล้วก็ไม่ได้อยากใช้แรงงานเถื่อน แต่ที่ต้องใช้เพราะขั้นตอนการจัดหาแรงงานแบบถูกกฎหมายค่อนข้างยุ่งยาก

เรื่องดังกล่าวก็เข้าใจได้เช่นกัน อาทิ ไม่ได้เปิดตลอด ขั้นตอนยุ่งยาก ค่าใช้จ่ายก็สูง อยากเห็นคนเข้ามาอยู่ในระบบให้หมดแต่ก็ติดด้วยเงื่อนไขนโยบาย ดังนั้นสิ่งที่ควรทำ คือ 1.มีแผนระดับชาติว่าด้วยการบริหารจัดการแรงงานแบบยั่งยืน คือเป็นแผนระยะยาว ไม่ใช่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นครั้งคราว 2.เป็นเรื่องที่ต้องปรับตัว เพราะในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ สังคมไทยก็กลายเป็นสังคมสูงวัย ความจำเป็นที่ต้องมีแรงงานเข้ามาเสริมนั้นก็มีอยู่จริง เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเศรษฐกิจไทยไม่เดินหน้าแน่ๆ หากไม่มีแรงงานข้ามชาติ จึงเป็นเรื่องต้องสร้างความเข้าใจใหม่กับสังคม

“ไม่ใช่เรื่องว่าเป็นคนต่างชาติแล้วไปเหมารวมเขาว่าเป็นคนไม่ดี เป็นคนมาแย่งงาน ซึ่งจริงๆ เมื่อเทียบกับเมื่อ 10 กว่าปีก่อนที่เริ่มทำงานกับแรงงานข้ามชาติก็ถือว่าดีขึ้นนะ ในมิติที่ว่าก็เริ่มมีคนเข้าใจมากขึ้น แม้แต่ในผู้นำของขบวนการแรงงานเองเมื่อก่อนก็จะแยกเหมือนกัน” สุภัทรา กล่าว

SCOOP.NAEWNA@HOTMAIL.COM

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก แนวหน้า

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง'ตั้ง 2 คำถามคาใจ! เตือนนักการเมืองไทย อย่ารักษาผลประโยชน์ศัตรูมากกว่าคนไทย

16 ชั่วโมงที่ผ่านมา

'ประกอบใจ (Whole Again)' Single ใหม่ล่าสุดจาก La Moon (ลามูน)

16 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ด่วน!! 'ทรัมป์'ตั้งกำแพงภาษีต่างตอบแทนอัตราใหม่ไทย19% เท่ากัมพูชา-มาเลเซีย

16 ชั่วโมงที่ผ่านมา

'กัมพูชา'รับข้อเสนอย้ายประชุมGBCไปมาเลย์ 'ไทย'ยึดตามหลักสากลต้องจัดในประเทศที่เป็นกลาง

16 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่นๆ

ลูกสาวเจ้าของ ปั๊ม ปตท. บ้านผือ เขียนจดหมายภาษาอังกฤษยื่นคณะทูตนานาชาติ เล่านาทีสะเทือนใจจรวดกัมพูชาลงร้านสะดวกซื้อ

THE STANDARD
วิดีโอ

"น้ำตกภูผาสวรรค์" แหล่งธรรมชาติอันซีนกลางป่า | เนชั่นทั่วไทย

NATIONTV

ระทึก! ไฟไหม้รถวอดทั้งคัน ควันดำพวยพุ่ง เผาเงินเกลี้ยง

มุมข่าว
วิดีโอ

“พวงมโหตร” สัญลักษณ์ของงานบุญชาวมอญ | เนชั่นทั่วไทย

NATIONTV
วิดีโอ

เปิดยุทธการณ์พิทักษ์พื้นที่ บล็อคสายลับ | เนชั่นทั่วไทย

NATIONTV

สลด! สาววัย 35 ปี ขับ BMW ชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ ดับคาที่

มุมข่าว

ยินดีเศรษฐีใหม่ รางวัลที่ 1 แอปเป๋าตัง แตก 162 ล้านบาท 27 ใบ

Thaiger

สรุปสถานการณ์การสู้รบ ชายแดนไทย-เขมร ทภ.2ขอประชาชนงดกลับบ้านจนกว่าปลอดภัย

MATICHON ONLINE

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...