เตือนจับตาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาอาจกลับมาหลังเหตุการณ์สงบ
ช่วงเหตุการณ์สู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา วันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา นักวิชาการที่ติดตามแก๊งคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพที่หลอกลวงคนไทยตั้งข้อสังเกตว่าความถี่ในการโทรเข้ามาหลอกลวงลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ หลังมีการเจรจาหยุดยิงกันแล้ว แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจมีการเปลี่ยนที่ทำการและกลับมาปฏิบัติการสร้างความเสียหายให้กับเหยื่ออีกได้
ดร.ปริญญา หอมเอนก นักวิชาการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอซิส โปรเฟสชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัด ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่าที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมไซเบอร์ตกปีละ 30,000 ล้านบาท เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี รวมมูลค่าเกือบ 100,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งเขามองว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะทำการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เมืองชเวก๊กโก ซึ่งเป็นแหล่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชาแล้ว แต่ที่ยังกลับมาทำงานต่อได้เป็นเพราะเปลี่ยนไปใช้สัญญาณจากอินเทอร์เน็ตดาวเทียมแทน
ขณะเดียวกันก็พบว่านับตั้งแต่มีเหตุการณ์สู้รบที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดขึ้น จำนวนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรมาหลอกลวงก็ลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากด่านคนเข้าเมืองปิดทำให้ไม่มีคนไทยเข้าไปทำงาน รวมทั้งยังถูกจับตาจากประชาคมโลกอีกด้วย
“ตอนนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชาก็คงระส่ำกันอยู่ที่นั่น คนข้ามแดนไปทำงานไม่ได้ เพราะด่านปิด แล้วตอนนี้กัมพูชาก็กำลังโดนทั่วโลกประณามว่าเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เขาคงไม่ยอมรับอย่างแน่นอนว่าเขาเกี่ยวข้องตรงนี้ แต่ผมเชื่อว่ามันจะไม่จบแค่นี้ ถ้าเหตุการณ์เริ่มสงบแล้วแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับมาอีก ก็คือ 100% เลย แต่ถ้าไม่กลับมาแล้ว หายไปเลย ก็ถือว่าโชคดีไป เขาอาจจะเปลี่ยนใจไปทำมาหากินอย่างอื่นก็ได้ ก็ต้องดูว่าชื่อเสียงของประเทศเขา ภาพลักษณ์ของเขา กับเงินที่เขาได้ กับที่โดนประชาคมโลกประณามเขาจะให้ความสำคัญอันไหนมากกว่ากัน อันนี้เราตอบแทนเขาไม่ได้ แล้วก็เราก็ต้องไม่ไปเบลมเขาว่าคุณเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์แน่นอน เพราะเรายังไม่มีหลักฐานที่มันชัดเจนขนาดนั้นว่าเขาเป็น แต่เราอนุมานและเชื่อได้ว่าคุณน่าจะมีส่วนร่วมในทางใดทางหนึ่ง หรือทางอ้อมทางใดทางหนึ่ง เพราะดูจากรายงานของทางสหรัฐอเมริกา”
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชาจะเปลี่ยนหน้าที่เป็น IO (Information Operation) เพื่อมาปลุกปั่นยุยงในโลกโซเชียลไทยจริงหรือไม่ ดร.ปริญญา มองว่าก็อาจมีความเป็นไปได้ เพราะทักษะในการหลอกลวงของการเป็นมิจฉาชีพออนไลน์อย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังสามารถทำได้ การเปลี่ยนหน้าที่เป็นแก๊ง IO ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานตรงนี้มายืนยันมากพอ นอกจากนี้ทางกัมพูชาเองก็อาจจะมีแก๊ง IO เตรียมไว้อยู่ก่อนแล้วก็ได้
อย่างไรก็ตาม ดร.ปริญญา ตั้งข้อสังเกตว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชาอาจมีคนไทยอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นคงจะเป็นการดีหากมีสำนักข่าวไปทำการขุดเจาะข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อหาความเชื่อมโยงต่างๆ ที่คาดว่าจะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง ดีกว่าปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ
“เรามีสถิติคนไทยโดนมิจฉาชีพหลอกถึง 900 กว่าเคสต่อวัน ในจำนวนนี้เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณหลักร้อยต่อวัน หากจำนวนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลงไม่ถึงหลักร้อยต่อวัน ก็ค่อนข้างจะชัดเจนแล้วว่าไม่มีคนไปปฏิบัติงานในบริเวณนั้น แต่ถ้ามีการเปิดด่านเมื่อไหร่แล้วมีจำนวนแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นมาอีก ก็ชัดเจนเลยว่ากัมพูชาเป็นแหล่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะเราสามารถเช็กจำนวนคนเดินทางเข้าออกจากด่านได้ รวมถึงมีสถิติคนมาแจ้งความต่อวันที่เป็นตัวเลขชัดเจนอยู่แล้ว” ดร.ปริญญา กล่าวทิ้งท้าย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เตือนจับตาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาอาจกลับมาหลังเหตุการณ์สงบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เตือนจับตาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาอาจกลับมาหลังเหตุการณ์สงบ
- "รังสิมันต์" จี้รัฐจัดหนักคอลเซ็นเตอร์ กดดันกัมพูชากลับมาสู่โต๊ะเจรจา
- อายัดคืนผู้เสียหายทัน 4 หมื่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็น สสจ.เชียงราย หลอกโอนเงิน
- จเรตำรวจเตือนอย่าเป็นคนไทยขายชาติ ร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บัญชีม้า โทษจำคุก 41 ปี
- พบแก๊งคอลฯ ปอยเปต ย้ายฐานหนี! “แรงงานเขมร” ระทมไม่มีงานไม่มีเงิน ลอบเข้าไทยถูกจับ
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath