AI ไม่เก็ตความเท่าเทียม แนะผู้สมัครหญิงเรียกเงินเดือนต่ำว่าชาย
แม้ AI จะถูกพัฒนาให้ “เป็นกลาง” และ “ฉลาดล้ำ” ขึ้นทุกวัน และทุกวันนี้มันก็กลายเป็นที่พึ่งของคนรุ่นใหม่ในการขอคำแนะนำเรื่องงาน เงินเดือน และทักษะชีวิต แต่รายงานวิจัยใหม่ล่าสุดจากมหาวิทยาลัยคอร์แนล (Cornell University) กลับพบว่า AI อาจให้คำแนะนำที่แฝงอคติทางเพศและเชื้อชาติ ส่งผลเสียต่อวัยทำงานผู้หญิงและผู้ใช้งานที่เป็นชนกลุ่มน้อยโดยไม่รู้ตัว
งานวิจัยดังกล่าวนำโดยศาสตราจารย์อีวาน พี. แยมชิคอฟ (Ivan P. Yamshchikov) แห่งมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์เวิร์ซบวร์ก-ชไวน์เฟิร์ท (THWS) ได้ทำการทดลองกับโมเดลภาษา (LLMs) ที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของ AI ยอดนิยมอย่าง ChatGPT โดยตั้งสถานการณ์จำลองขึ้นหลายชุด พร้อมสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้งานหลากหลายรูปแบบ ทั้งเพศ เชื้อชาติ และสถานะผู้ลี้ภัย
ผลการทดลองพบว่า AI แนะนำให้ผู้หญิงเรียกเงินเดือนเริ่มต้นน้อยกว่าผู้ชาย ทั้งที่มีคุณสมบัติและประสบการณ์เท่ากัน
ผู้สมัครงานผู้หญิง ถูก AI แนะให้ขอเงินเดือนต่ำกว่าถึงหลักแสน!
ทีมวิจัยยกตัวอย่างเคสว่า ได้จัดสถานการณจำลองให้ผู้สมัครชายที่ยื่นใบสมัครในตำแหน่งแพทย์อาวุโสในเมืองเดนเวอร์ เคสนี้ถูก AI แนะนำให้ขอเงินเดือนที่ 400,000 ดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่ผู้สมัครหญิงที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน กลับได้รับคำแนะนำให้เรียกเพียง 280,000 ดอลลาร์ต่อปี ความแตกต่างที่เกิดขึ้นเพียงเพราะเพศของผู้สมัครนั้น มีมูลค่าสูงถึง 120,000 ดอลลาร์ต่อปีเลยทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มผู้ลี้ภัยและผู้มีภูมิหลังเป็นชนกลุ่มน้อยยังถูกแนะนำให้เรียกเงินเดือนต่ำลงอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีเหตุผลด้านความสามารถมารองรับ
“ผลลัพธ์ของเราสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้า ที่พบว่าแม้เพียงแค่ชื่อของผู้สมัคร ก็อาจทำให้ระบบ AI แสดงอคติทางเพศและเชื้อชาติในการประมวลผลคำแนะนำเรื่องงานได้แล้ว” ศาสตราจารย์แยมชิคอฟบอกกับสำนักข่าว Computer World
ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนอีกว่า แม้ผู้ใช้งานจะไม่ได้เปิดเผยเพศ เชื้อชาติ หรือข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ อย่างชัดเจน แต่ AI หลายระบบก็ยังสามารถจดจำบริบทหรือรูปแบบการพิมพ์ของผู้ใช้ จากการใช้งานต่อเนื่องได้ ซึ่งเป็นช่องทางที่อคติอาจแฝงตัวเข้ามาโดยเราไม่รู้ตัว
คนรุ่นใหม่ไม่แคร์เรื่องอคติ หันใช้ AI ฝึกฝนทักษะชีวิต
แม้ประเด็นนี้จะฟังดูน่ากังวล แต่ความไว้วางใจต่อ AI ของผู้คนกลับไม่ลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและคนรุ่นใหม่ที่เริ่มหันมาใช้ AI เพื่อฝึกฝนทักษะชีวิตและความสัมพันธ์
ผลสำรวจของ Common Sense Media ที่จัดทำเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 พบว่า วัยรุ่นอเมริกันอายุ 13-17 ปี กว่า 50% พึ่งพา ChatGPT เพื่อเรียนรู้การเข้าสังคม ขอคำปรึกษาด้านชีวิต การแก้ปัญหาความขัดแย้ง และแม้แต่การโต้ตอบในเชิงโรแมนติก
ยิ่งไปกว่านั้น ราว 40% ของพฤติกรรมเหล่านี้ในโลกความเป็นจริง ล้วนได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้จาก AI
แม้ AI จะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเรียนรู้และเติบโต แต่เมื่อมันยังไม่หลุดพ้นจากกรอบอคติของมนุษย์เสียเอง คำถามที่ตามมาก็คือ เราควรเชื่อมั่นกับคำแนะนำที่ได้จาก AI แค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อคำแนะนำนั้นอาจกำลังลดค่าความสามารถของเราอย่างเงียบ ๆ
อ้างอิง: NewYork Post, Computerworld, Deep Bias AI, Commonsensemedia