หลานฉุนฟิวส์ขาด จ่อยิงท้ายทอยอาดับคาที่ หลังมีปากเสียงจากปมปัญหาที่ดิน
(18 ก.ค. 68) ร.ต.อ. มารุต นิลโกสีย์ พนักงานสอบสวน สภ.สิงหนครได้รับแจ้งทางวิทยุจากศูนย์วิทยุ 191 ยิงกันตาย บริเวณถนนสายนาเกลือ หลัง รร.เขาเขียว ม.1 ต.สทิงหม้อ อ.สิงหนคร จ.สงขลา จึงได้แจ้งให้ ชุดสืบสวนสภสิงหนคร เจ้าหน้าที่สายตรวจ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ชุดสืบสวนภาค9
ที่เกิดเหตุพบ นายภิญโญ อายุ 60 ปี เสียชีวิตนอนคว่ำหน้าอยู่บนที่ดินจับจอง ห่างออกไป ประมาณ 200 เมตร พบปลอกกระสุน ขนาด 9มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 4 ปลอก ต่อมานายวิรัตน์ อายุ 44 ปี ได้มามอบตัว ที่สภ. สิงหนคร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปเอาอาวุธปืนและแมกาซีนที่ขนำ สำหรับอาวุธปืนได้นำโยนทิ้งไว้ในป้อมบ่อน้ำข้างขนำแยกแมกาซีนออกไว้ใต้ขนำ ในแมกาซีนมีลูกกระสุนอยู่จำนวน 5 ลูก
ทั้งนี้หลังสอบปากคำ พนักงานสอบสวน สภ.สิงหนคร แจ้งข้อหานายวิรัตน์ ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา
นายวิรัตน์ เล่าว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินจับจอง ซึ่งพ่อของตนได้ครอบครองทำประโยชน์มานานแล้ว ช่วงนั้นดังกล่าวตนทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ และเมื่อกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่บ้าน พ่อก็พาไปดูแนวเขตของที่ดินแปลงดังกล่าวด้วย กระทั่งปี 2557 พ่อเสียชีวิต ตนจึงเข้าไปทำประโยชน์ต่อจากพ่อ แต่เมื่ออาเห็นว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว ก็นำรถแบกโฮ เข้าไปตักดินนำไปขาย ตนจึงแจ้งความดำเนินคดี
จากนั้นตนก็ถูกนายภิญโญ ยั่วยุมาตลอดและยังมีการนำที่ดินบางแปลงไปขายให้กับชาวบ้านในพื้นที่ด้วย และยังนำชาวบ้านเข้ามาข่มขู่ตน ซึ่งขณะนี้ที่ดินแปลงดังกล่าวเหลืออยู่ประมาณ 8-10 ไร่แล้ว กระทั่งก่อนเกิดเหตุ นายภิญโญซึ่งเป็นอาของตนยังยั่วยุ จนทำให้ตนเกิดอารมณ์โมโห ใช้อาวุธปืนยิง 4-5 นัด มาจากขนำที่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร ทั้งนี้ตนยอมรับว่าฟิวส์ขาด เพราะตนอดทนมานานกว่า 10 ปีแล้ว และตนยังต้องถูกออกจากงานที่ทำอยู่เพราะเรื่องดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ก็อยากขอขมากับครอบครัวของนายภิญโญ
ด้านนางวรรณา อายุ 65 ปี พี่สาวผู้เสียชีวิตอีกคน และเป็นอาของนายวิรัตน์ บอกว่า สาเหตุ ฟังเส้นสุดท้าย มาจากปัญหาที่ดิน ซึ่งก่อนเกิดเหตุ นายวิรัตน์ ได้ขับรถมาจอดอยู่บนถนนทางเข้าที่ดินของนายภิญโญ เนื่องจากทางเข้าเดิมมีการขุดดินทำเป็นลำคูน้ำ ทำให้นายวิรัตน์ไม่สามารถเดินทางเข้าที่ดินของตัวเองได้ จึงต้องมาเข้าที่ดินทางถนนที่นายภิญโญเป็นคนริเริ่มทำไว้
จากนั้นนายภิญโญได้ต่อว่า ว่าจอดรถขวางถนน ทำให้ทั้ง 2 คน มีปากเสียงกัน ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ ทั้งนายภิญโญและนายวิรัตน์ ก็เข้ามาทำประโยชน์ ด้วยกัน ประมาณ 3 ปี ซึ่งทั้ง 2 คนก็มีปากเสียงกันมา 2-3 วันแล้ว และนายภิญโญก็นำตำรวจ มาช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยด้วย
ขณะเดียวกัน ในช่วงดังกล่าวนายภิญโญก็พกพาอาวุธปืนติดตัวตลอดเวลาแต่ปรากฏว่าก่อนเกิดเหตุไม่ได้พาอาวุธปืนติดตัว ทั้งนี้หลังก่อเหตุนายวิรัตน์ได้ไปตามตนซึ่งทำบุญอยู่ที่วัด แล้วบอกว่าได้ยิงอาภิญโญ เสียชีวิตแล้ว