‘เป้ อารักษ์’ ปลื้มเทศกาลหนังนานาชาติกรุงเทพฯ หวนคืน ขอโม้หนังขึ้นแท่นอันดับ 1
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผู้กำกับป้ายแดงที่มาแรงสุดๆ สำหรับพระเอกมาดเซอร์“เป้-อารักษ์” ที่ได้ผันตัวมาเป็นผู้กำกับอย่างเต็มตัวในภาพยนตร์เรื่อง"เดอะสโตน พระแท้คนเก๊" ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากแฟนๆ
ล่าสุดในงานแถลงข่าว BANGKOK INTERNATIONAL FILM FESTIVAL เป้ อารักษ์ ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์การไปร่วมงานเฟสติวัลในต่างประเทศ พร้อมเผยถึงความภาคภูมิใจที่หนังเรื่องแรกของประสบความสำเร็จ โดย เป้ เผยว่า“ผมเชื่อว่าถ้าพูดถึงบางกอกฟิล์ม festival ผู้กำกับผู้กำกับทั่วโลกก็อยากมาเหมือนอย่างที่ผมได้มีโอกาสทำงานแล้วไปงานfestival มันเหมือนเป็นโบนัสและถ้าเป็นโบนัสที่ดีกรุงเทพฯ คนทั่วโลกก็อาจจะอยากมา ผมจำได้ว่า 15 ปีที่แล้วเคยมีงานนี้ และจำได้ว่ามีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ มีดารามามากมายแล้วก็เงียบหาย ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอมันได้กลับมาอีกครั้งแล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นฟันเฟืองที่นครใหญ่ๆเขามีกัน ผมเลยรู้สึกว่าถ้าเรามีบ้างมันดีและมีประโยชน์มากๆ เพราะที่ไปมา2-3ที่รู้สึกว่ามันมีประโยชน์ต่อคนทำหนังและมีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์จริงๆ เพราะได้ให้โอกาส สร้างความรู้ต่อยอดไปเรื่อยๆ”
“ถามว่าเทศกาลนี้มันจะให้อะไรเราบ้าง ก็คงจะให้คอนเนคชั่น และมีโอกาสจะได้ช้อปปิ้ง มันจะมีโซนหนึ่งที่เรียกว่ามาร์เก็ต เพราะอย่างทีมงานของผมเขาก็ต้องไปออกบูธที่ต่างประเทศ ไปตลาดต่างประเทศแล้วในเมื่อตลาดมันเกิดขึ้นในประเทศเรา ทุกอย่างมันคงสะดวกมากขึ้น เราก็คงคล่องตัวมากขึ้น มันเป็นเรื่องที่ดีที่ควรจะเกิดขึ้นในประเทศ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยวันนี้ผมมาอธิบายประสบการณ์ที่ผ่านมา ในช่วงปีที่ผ่านมาว่าผมทำอะไร เพราะผมก็เป็นหน้าใหม่ที่ดันได้ใช้ชีวิตเป็นผู้กำกับแล้วได้ไปเดินทางหลายๆที่เลยมาแชร์ประสบการณ์มากกว่า ไม่ได้กดดันอะไรแต่ทีมงานน่าจะเหนื่อยมากกว่าเพราะสเกลงานใหญ่”
"ที่บอกว่าทำเรื่องแรกก็ปังเลย สมพรปากครับ(ยิ้ม) วันก่อนผมได้คุยกับผู้กำกับที่เขากำกับอย่างเดียว เขาบอกว่าอย่างผมนี่เป็นดารา ต้องยอมรับว่าผมเป็นนักแสดงมาก่อน เรื่องการออกหน้ามันเป็นอะไรที่เราไม่ได้ฝืนอยู่แล้ว แต่คนอื่นเขาอาจจะรู้สึกว่าทำแล้วไม่อยากจะออกหน้า แต่ถ้าเราว่าการที่ออกหน้าแล้วมันทำให้หนังของผมดังขึ้นหรือมีประโยชน์ต่อเทศกาลผมมาออกงานก็ได้ ตอนนี้หนังของผมก็อยู่ใน Netflix ครับ ตอนนี้หนังก็ไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขอโม้หน่อยนะครับ อันดับหนึ่งของเมืองไทยก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจแล้ว แต่ขึ้นอันดับหนึ่งที่เวียดนาม อันดับสองที่ไต้หวัน อันดับ 3ฮ่องกง อันนี้มันก็น่าจะโม้ได้เหมือนกัน ไม่ได้มีการส่งอะไรไป โปรโมทด้วยหน้าของน้องเจ้านายและโปสเตอร์ของเดอะสโตนเท่านั้น ก็เลยดีใจครับแต่ไม่ได้ไปฉายตามเทศกาลครับ”
เป้ เผยต่อว่า“พอหนังมันขึ้นอันดับหนึ่งสิ่งแรกที่ผมทำเลยก็คือหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายแล้วก็ส่งไปในกรุ๊ปประมาณ 25 กรุ๊ป บอกว่าอยู่อันดับหนึ่งแล้วนะ แต่เพื่อนเพื่อนส่วนใหญ่เขาก็จะเงียบแล้วบอกว่าเลิกพูดเรื่องนี้สักที ทำเรื่องใหม่อะไรอย่างนี้ครับ สำหรับเรื่องที่สองต้องขอบคุณทาง THACCA กระทรวงวัฒนธรรม รวมถึงบริษัทจังก้าคาแมนไลท์ ที่ทำให้ในปีนี้แต่เดือนเมษาเป็นต้นมาผมยังเที่ยวจนไม่มีเวลาทำงาน (หัวเราะ) ก็ไปตามที่ต่างๆนี่แหละครับโดดไปโดดมาก็เลยมีโอกาสได้ไปหลายๆที่ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องเดอะสโตน ทั้งเรื่องแต่ง…Monk และวัยหนุ่ม 2544 ที่พาผมไปตามเทศกาลต่างๆ ตอนนี้ก็เลยยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน”
“ถามว่าเดอะสโตนจะมีภาคสองไหม ไม่รู้ครับว่าจะมีหรือเปล่า เรื่องที่ผมจะมีโอกาสกำกับเดี่ยวไหม ผมกับคุณบี วุฒิพงษ์ น่าจะเป็นหยินหยางที่ค่อนข้างเข้ากัน แล้วผมคิดว่าผมไม่มีเขาผมคงทำไม่ได้แบบนี้ ถ้าเขาไม่มีผมก็เช่นกัน เราก็ยังคงทีมอัพกันไปแบบนี้เพราะถือว่าไม่ทำหนังก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้วเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ไม่ต้องแยกกันน่าจะอุ่นใจกว่าหนังปลูกกระแสพระเครื่องก็ดีครับ ถ้าขึ้นเยอะๆผมจะได้ขายสักที ตอนนี้เช่ามาแล้วยังติดดอยอยู่เลย องค์ที่แขวนอยู่ไม่ปล่อยครับ ถ้าแปดหลักปล่อยเลยครับ(ยิ้ม)”
ขอบคุณภาพจาก:paearak