กต.ซัดกัมพูชาไม่ให้ค่ากับชีวิตประชาชน หลังยังปัดจับมือไทยร่วมกู้ทุ่นระเบิด
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่มีการสอบถามเกี่ยวกับท่าทีของฝ่ายกัมพูชาที่ออกมาแถลงในประเด็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในช่วงที่ผ่านมานั้น กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า เป็นที่น่าเสียดายที่กัมพูชาไม่รับข้อเสนอของไทยในการร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ไทย-กัมพูชา ระหว่างกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กับกองบัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2568 โดยฝ่ายกัมพูชาระบุว่าต้องขึ้นอยู่กับพัฒนาการของการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง รวมถึงเสนอให้มีความร่วมมือเฉพาะในบริเวณที่มีการปักปันเขตแดนแล้วเสร็จก่อน ซึ่งท่าทีของกัมพูชาดังกล่าวเป็นท่าทีที่ย้อนแย้งกันอย่างชัดเจน โดยกัมพูชาอ้างว่าให้ความสำคัญกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม แต่กลับสร้างเงื่อนไขและปล่อยให้อาวุธร้ายแรงเช่นนี้ยังคงอยู่และถูกนำไปใช้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) อย่างชัดเจน และไม่ให้ค่ากับชีวิตและความปลอดภัยของมนุษย์ที่เป็นพี่น้องประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และตอกย้ำเจตนารมณ์ที่จะยังคงละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศต่อไป
นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตามการแถลงข่าวของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา และกรณีที่นายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา หรือ CMAC ที่กล่าวอ้างว่าทุ่นระเบิด PMN-2 ที่ฝ่ายไทยนำมาเสนอต่อคณะทูต องค์การระหว่างประเทศ และสื่อมวลชนที่ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2568 ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายเนื่องจากยังไม่ได้ปลดสลักนิรภัยนั้น โฆษกกองทัพบกไทยชี้แจงแล้วว่ากัมพูชานำเสนอข้อมูลบางส่วน และหวังบิดเบือนให้เกิดความสับสน ซึ่งในความเป็นจริง ฝ่ายไทยได้นำเสนอทุ่นระเบิดที่ตรวจพบในทั้ง 2 ลักษณะ คือ ทุ่นระเบิดที่ยังไม่ได้นำไปติดตั้ง และทุ่นระเบิดที่ติดตั้งแล้ว รวมทั้งชิ้นส่วนของทุ่นระเบิดที่ได้ก่อให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสและทำให้ทหารไทยพิการมาแล้ว ซึ่งถูกเก็บกู้มาจากบริเวณพื้นที่ภูมะเขือในจุดที่ทหารกัมพูชาเคยวางกำลังอยู่
นายนิกรเดช กล่าวว่า การสื่อสารท่าทีของกัมพูชาในเรื่องนี้แสดงถึงความย้อนแย้งระหว่างหลักการและการกระทำอย่างชัดเจน กระทรวงการต่างประเทศจะยังคงเดินหน้าเรียกร้องให้กัมพูชากลับมาร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจังและจริงใจ และดำเนินการต่อเนื่องในเวทีระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะผ่านกลไก Committee on Cooperative Compliance ภายใต้กลไกอนุสัญญาออตตาวาที่จะประชุมในวันที่ 22 ส.ค.นี้ หรือโดยการนำคณะทูตมาพิสูจน์ข้อมูลและหลักฐานด้วยตัวเอง เพื่อให้ทุกประเทศและทุกองค์กรร่วมกันกดดันให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณีในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาที่มีความรับผิดชอบ