โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 2 กันยายน 2568

สวพ.FM91

อัพเดต 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 2 กันยายน 2568

>> จับรถยนต์ซุกแรงงานต่างด้าว 39 คน ลอบเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เผยจ่ายค่าหัวสูงถึง 5 หมื่น

06.30 น. ณ บ้านปรังกาสี หมู่ 3 ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และ หมู่บ้านหินดาดหมู่ 6 ตำบลหินดาด อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ มอบหมายให้ นายวัลลภ จินดา ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอทองผาภูมิ และ สมาชิกอาสารักษาดินแดนอำเภอทองผาภูมิที่ 9 บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ ตชด.135 และ ฉก.ลาดหญ้า สนธิกำลังดำเนินการจับกุมผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สัญชาติเมียนมา จำนวน 39 คน เป็นชาย 27 คน หญิง 12 คน พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นรถยนต์จำนวน 2 คัน ได้แก่ รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า สีสีบรอนซ์เทา ทะเบียนสมุทรสาคร.และรถกระบะ isuzu สีน้ำเงินทะเบียนกาญจนบุรี

การปฏิบัติการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับรายงานว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายผ่านพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ จึงได้จัดกำลังออกตรวจลาดตระเวน จนพบรถยนต์ต้องสงสัย จำนวน 2 คัน เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้หยุดตรวจสอบ แต่รถยนต์คันดังกล่าวกลับเร่งเครื่องหลบหนีไปคนละทาง เจ้าหน้าที่จึงติดตามอย่างกระชั้นชิด กระทั่งสามารถสกัดจับได้2คัน ที่บริเวณบ้านปรังกาสี หมู่ที่ 3 ตำบลท่าขนุน และที่หมู่บ้านหินดาดหมู่ 6 โดยผู้ขับขี่รถยนต์ได้ทิ้งรถวิ่งหลบหนีเข้าป่าไป

จากการสอบถามผ่านล่ามเบื้องต้น ผู้ลักลอบเข้าเมืองให้การว่าต้องการจะเดินทางไปหางานทำในกรุงเทพฯและจังหวัดชั้นในโดยพวกตนนั่งรถยนต์จากเขตอำเภอสังขละบุรี พวกตนจะต้องจ่ายค่าเดินทางให้แก่นายหน้าคนละ 40,000–50,000 บาท เมื่อไปถึงจุดนัดพบบริเวณอำเภอเมืองกาญจนบุรี แล้วจากนั้นจะมีรถยนต์มารับพวกตนไปส่งต่อยังจังหวัดชั้นในอีกทอดหนึ่ง

เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

>> บุกรวบ คู่รักค้ายาเสพติด ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 1.4 ล้านบาท

07.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หนองจอก ได้ติดตามสืบสวนพฤติกรรมของ นายเอ (นามสมมติ) และนางเปิ้ล (นามสมมติ) คู่สามีภรรยา ซึ่งอยู่ภายในชุมชนแห่งหนึ่ง ในแขวงหนองจอก เขตหนองจอก กทม. จนทราบว่ามีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ฝ่ายสืบสวนจึงได้รายงานศาลเพื่อขอหมายค้น

วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน เข้าทำการตรวจค้น บ้านพักของนายเปิ้ล และนางฟิว จากการตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 1,820 เม็ด และตรวจยึดทรัพย์สิน รถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน มูลค่ากว่า 1.4 ล้านบาท จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง จากการสอบถามรับว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเองจริง มีไว้เพื่อขายให้แก่ลูกค้าทั่วไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

>> ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจะไปทำงาน ขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นถนนใหญ่ ถูกรถกระบะชน ร่างกระเด็นเสียชีวิตคาหน้าบ้านพัก

07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามโคก ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะ และมีผู้เสียชีวิต ริมถนนคลองสระพัฒนา (ซอยวัดป่าภูริทัต) ในพื้นที่ ม.3 ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

ในที่เกิดเหตุ พบร่าง น.ส.กมลรัตน์ อายุ 54 ปี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.3 สภาพนอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่กลางถนน ข้างทางพบรถ จยย.ยามาฮ่า สีน้ำตาล ป้ายทะเบียน กรุงเทพมหานคร ล้มคว่ำสภาพพังเสียหาย และห่างออกไป ในช่องทางเลนขวาสุด พบรถกระบะ โตโยต้า สีดำ ป้ายทะเบียน พระนครศรีอยุธยา สภาพด้านหน้ารถจนถึงฝากระโปรงรถมีรอยยุบ โดยมีคนขับยืนรออยู่ในที่เกิดเหตุ

เบื้องต้นจากการสอบถาม คนขับรถกระบะ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถมาจากย่านตลาดโรงเกลือท้ายเกาะ เพื่อจะไปทำธุระแถวเขต อ.ลาดหลุมแก้ว เมื่อขับรถมาตามเส้นทางพอมาถึงที่เกิดเหตุจู่ๆ ก็มีรถ จยย. ขับออกมาจากทางเข้าบ้านเขาพุ่งออกมาอย่างกระชั้นชิด ซึ่งตนพยายามจะหักหลบแต่ไม่ทันจึงได้พุ่งชนอย่างจัง และเมื่อจอดรถลงมาเพื่อจะช่วยเหลือก็พบว่าคนขับ จยย.เสียชีวิตแล้ว

จากการสอบถามญาติพี่น้องที่ออกมาจากบ้านต่างร่ำไห้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทราบว่า ผู้เสียชีวิต เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จะไปทำงานตามปกติในเวลานี้เกือบทุกวันเพราะนอกจากจะเป็น ผช.ผญบ.แล้ว ยังเป็น อสม.ชอบช่วยเหลือชาวบ้านและอะไรที่เป็นงานอาสาก็จะไปทำตลอด แต่ไม่คิดว่าจะมาเกิดอุบัติเหตุที่หน้าบ้านตัวเอง

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นได้บันทึกภาพในที่เกิดเหตุและจะได้มีการสอบสวนกับคนขับรถกระบะคู่กรณี เพื่อหาสาเหตุให้แน่ชัดอีกครั้ง ส่วนศพได้มอบให้มูลนิธิฯ นำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดต่อไป

>> ป.ป.ส.อนุมัติจ่ายเงินกว่า 9 ล้านบาท หนุนกำลังจนท.และผู้แจ้งเบาะแสคดียาเสพติด

10.00 น. พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ครั้งที่ 5/2568 โดยมีผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการปกครอง สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกรมศุลกากร เข้าร่วมประชุมในฐานะอนุกรรมการฯ
โดยที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงิน ดังนี้ เงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับและค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ ให้แก่หน่วยงาน 47 หน่วยงาน จำนวน 123 คดี รวมเป็นเงิน9,694,255.21 บาท และเงินช่วยเหลือเจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติงาน ในคดียาเสพติด จำนวน 14 ราย เป็นเงิน 190,000 บาท รวมเป็นเงิน 9,884,255.21 บาท

สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งข้อมูลการค้ายาเสพติด เจ้าหน้าที่ผู้สืบสวนและขยายผลคดี รวมถึงการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติงาน เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจและเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดกั้นและปราบปรามปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน

>> รถกระบะชนประสานงากับรถบรรทุก สภาพรถแทบกลายเป็นเศษเหล็ก พบร่างผู้เสียชีวิต เป็นคุณตา วัย 74 ปีอยู่ในซากรถ

10.00 น. กู้ภัยสว่างกตัญญู จันทบุรี ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุระหว่าง รถบรรทุก ชนกับรถกระบะ และมีผู้เสียชีวิต บริเวณ โค้งต้นไทร ถนนเส้นทาง แสลง - วังแซ้ม ในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก ฮีโน่ สีขาว ป้ายทะเบียน จันทบุรี จอดอยู่บนไหล่ทางสภาพหน้ารถพังสียหาย ติดกันพบรถกระบะ โตโยต้า สีฟ้า ไม่ทราบทะเบียน พังเสียหายทั้งคัน สภาพตัวกระบะท้ายฉีกขาดหลุดกระเด็นออกมาจากรถ ตรวจสอบ พบร่างของ นายสินชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 74 ปี หรือ “ป๋าฉิน” ตำนานเจ้าของกิจการรถบรรทุกรับถมที่ดิน เสียชีวิตร่างติดค้างอยู่ในซากรถ

คนขับรถบรรทุก 10 ล้อ ที่ยืนรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ โดยให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาจากสี่แยกแสลง มุ่งหน้าไปทาง ต.วังแซ้ม อ.มะขาม โดยขับมาด้วยความเร็วประมาณ 60-70 กม./ชม. เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางโค้งลาดเอียงเล็กน้อย พบรถกระบะคู่กรณีขับเข้าโค้งสวนทางมา จากนั้นได้เกิดสะบัดหลุดขามเลนเข้ามาหา โดยที่ตนได้พยายามเบรกและหักหลบแต่ไม่พ้น จึงได้พุ่งชนประสานงาเข้าเต็มแรง

ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจ ทั้งนี้จะได้ไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมถ่ายภาพร่องรอยในที่เกิดเหตุ บันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเชิญตัวคนขับรถบรรทุกไปให้ปากคำเพิ่มเติม ในการสรุปสาเหตุที่แน่ชัด เพื่อให้การดำเนินคดี เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายต่อไป

>> เจ้าหน้าที่วนอุทยานภูสิงห์-ภูผาผึ้ง รวบ 2 หนุ่มลักลอบตัดไม้ชิงชัน พร้อมของกลางไม้ 4 ท่อน จ.อำนาจเจริญ

11.30 น. เจ้าหน้าที่วนอุทยานภูสิงห์-ภูผาผึ้ง ได้ตรวจยึด-จับกุม การลักลอบตัดไม้บริเวณทิศใต้บ้านภูเขาขาม ตำบลคึมใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ โดยสามารถตรวจยึดไม้ชิงชัน จำนวน 4 ท่อน ปริมาตร 1.57 ลูกบาศก์เมตร

พร้อมจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวน 2 คน ได้แก่ ชายไทย ชาวตำบลหนองไฮ อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ และ ชายไทย ชาวตำบลคึมใหญ่ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ รวมมูลค่าความเสียหาย จำนวน 394,500 บาท

เจ้าหน้าที่วนอุทยาน ภูสิงห์-ภูผาผึ้ง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาฐานความผิด (1) มีความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พุทธศักราช 2562 (2) มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 (3) มีความผิดตามพรบป่าไม้พุทธศักราช 2484 และได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอำนาจเจริญ เพื่อดำเนินคดีต่อไป.

>> "ภูมิธรรม" อนุมัติ แต่งตั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ (ผรส.) เพิ่มเติมจำนวน 3,335 หมู่บ้าน

12.37 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย ได้เห็นชอบการแต่งตั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ (ผรส.) เพิ่มเติม จำนวน 3,335 หมู่บ้าน (หมู่บ้านละ 1 คน) โดยเน้นหมู่บ้านในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติบ่อยครั้งและมีความเคลื่อนไหวของผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติด รวมถึงหมู่บ้านในอำเภอชายแดนไทย - กัมพูชา ทุกพื้นที่ เพื่อเป็นหลักประกันในการสร้างพื้นที่ทั่วประเทศไทย ให้ปลอดภัยสำหรับพี่น้องประชาชนทุกคน ตามนโยบายหลัก “3 ไร้ทุกข์ 5 สร้างสุข หรือ 8 QUICK WINS” ของกระทรวงมหาดไทย

ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ หรือ ผรส. มีหน้าที่หลักในการตรวจตรา ดูแล และรักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน ตลอดจนมีบทบาทในการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้าน เป็นหูเป็นตา ตรวจตราและเฝ้าระวังคนจรหรือคนแปลกหน้าที่เข้ามาในหมู่บ้าน รวมถึงความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่น่าสงสัย เพื่อระงับและป้องปรามภัยที่อาจจะมีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ตลอดจนถึงชีวิตและทรัพย์สินของคนในหมู่บ้าน ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 มาตรา 28 ทวิ โดยในปัจจุบัน มี ผรส. กระจายตัวอยู่ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศกว่า 34,000 คน และเมื่อรวมกับที่ได้มีการอนุมัติเพิ่มเติมในปีนี้ จำนวน 2 ครั้ง (ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 จำนวน 1,194 คน รวมกับครั้งนี้ 1 กันยายน 2568 จำนวน 3,335 คน) จะทำให้มียอดรวม ผรส. ทั่วประเทศ ณ ปัจจุบัน จำนวน 38,968 คน

>> คนงานตัดต้นโพธิ์อายุ 200 ปี ก่อนจะตกมาร่างกระแทกพื้น 8 เมตร เจ็บสาหัส

13.00 น. สมาคมกู้ภัยสว่างลำปาง รับแจ้งว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บพลัดตกต้นไม้สูง บริเวณถนนในหมู่บ้านหลังวัดท่าคราวน้อย ในเขตเทศบาลนครลำปาง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบร่างของ ชายไทย อายุ 48 ปี ชาวจังหวัดลำปาง เป็นคนงานรับจ้างตัดต้นไม้ ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนไม่รู้สึกตัวมีบาดแผลเปิดฉกรรจ์ตรงบริเวณศีรษะยาวประมาณ 10 เซนติเมตร จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงปฐมพยาบาลนำร่างชายคนเจ็บรายนี้เปลี่ยนถ่ายกับเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลทันที

เบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุชายคนดังกล่าวนั้น นั่งรถกระเช้าแล้วปีนขึ้นไปบนต้นโพธิ์ ที่มีอายุ 200 ปี แล้วได้ไปตัดกิ่งไม้ ซึ่งมีความสูงประมาณ 8 เมตร จู่ๆ สลิงที่ดึงกิ่งต้นไม้ไว้เกิดขาด ทำให้ชายคนนี้ซึ่งอยู่บนต้นไม้นั้นร่วงลงมากระแทกใส่เหล็กที่อยู่ด้านล่างอีกทีนึง จนได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว

จากการสอบถามทราบว่าก่อนหน้านี้คนงานที่รับจ้างตัดต้นไม้นั้น ได้เข้ามาตัดต้นไม้บริเวณจุดดังกล่าวและก่อนจะตัดนั้นได้จุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางของต้นไม้นี้แล้ว เพราะว่าต้นไม้ดังกล่าวนั้นเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพและ ดูแลต้นไม้ของชุมชนนี้เป็นอย่างดี โดยต้นไม้นี้ก็ยังมีผ้าแดงผูกไว้รอบๆ ต้นอีกด้วย

>> ขยายผลต่อ รวบ “เอ๊ะ ขอนแก่น” อีกหนึ่งผู้ต้องหารายสำคัญ ในขบวนการค้ากระสุนปืนเถื่อนออนไลน์ทั่วประเทศ

13.05 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุม นายกอ (นามสมมุติ) หรือ เอ๊ะ ขอนแก่น ในความผิดฐาน “ร่วมกันมี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน” โดยจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้านพักแห่งหนึ่ง ม.4 ต.ศิลา อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น

จากผลการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลจาก กรณีจับกุม นายวอ (นามสมมุติ) ผู้ต้องหาคดีค้าเครื่องกระสุนปืนออนไลน์ ซึ่งให้การซัดทอดว่าหลังจากที่ตนได้รับออเดอร์เครื่องกระสุนจากช่องทางออนไลน์มา ตนเองได้มีการสั่งซื้อเครื่องกระสุนปืนจาก นายกอ หรือ “เอ๊ะ ขอนแก่น” โดยจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีพฤติการณ์ โอนเงินเพื่อชำระค่าเครื่องกระสุนปืน จากนายวอ ไปยังนายกอ จริง และมีการจัดส่งเครื่องกระสุนปืนให้กับลูกค้าผ่านช่องทางการจัดส่งพัสดุ จัดส่งให้แก่ผู้ซื้อทั่วประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 1 บก.ป. ได้เข้าทำการตรวจค้น ผู้รับพัสดุจากนายกอ เพื่อหาพยานหลักเพิ่มเติม โดยผลการเข้าตรวจค้น พบเครื่องกระสุนปืนและอาวุธปืนจำนวนหลายรายการ จึงเชื่อว่านายกอ นั้น เป็นผู้จัดส่งเครื่องกระสุน จริง

จากตรวจสอบพบว่า นายกอ มีพฤติกรรมจัดส่งเครื่องกระสุนปืนให้กับลูกค้ารายอื่นๆ อีก โดยจากการสืบสวนพบว่าใน 1 เดือน มีการจัดส่งพัสดุมากกว่า 60 รายการ ต่อมา พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับ ได้นำกำลังติดตามจับกุมนายกอ ตามสถานที่จับกุม ซึ่งผู้ต้องหาใช้เป็นแหล่งพักอาศัยและเก็บเครื่องกระสุนปืน ผลการตรวจค้นพบของกลางเป็นอุปกรณ์จัดส่งพัสดุใช้ในการแพ็คลูกกระสุนปืน สมุดบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือ รวมจำนวน 16 รายการ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

>> รวบมิจฉาชีพตัวตึง อ้างเป็นตัวแทนบริษัทรับขนส่งสินค้า รับเงินแล้วชิ่งหนี ผู้เสียหายหลายราย มูลค่าหลายล้านบาท

15.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกันจับกุม นายเต้ อายุ 34 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น”

สืบเนื่องจากมีกลุ่มผู้เสียหายจำนวนมากรวมตัวกันแจ้ง Blacklist นายเต้ ทุกช่องทาง ทั้งมีการแจ้งประกาศจากผู้เสียหายบนเว็บไซต์ Blacklistseller และกลุ่มรับงานขนส่งสินค้าต่างๆ แจ้งเตือนภัยว่า นายเต้ อ้างเป็นตัวแทนบริษัทรับขนส่งสินค้า โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางรับงานมาจากผู้ว่าจ้างและติดต่อหาบริษัทรถขนส่งมาดำเนินงาน แต่เมื่อได้รับเงินจากผู้ว่าจ้างแล้ว ไม่นำเงินมาจ่ายให้กับทางบริษัทรับขนส่งสินค้า ส่งผลให้มีผู้เสียหายรวมตัวกันแจ้งความจำนวนมาก

โดยพบข้อมูลว่า ในปี 2564 ผู้ต้องหาเคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “ฉ้อโกง”มาแล้ว ภายหลังจากที่ได้รับโทษ ผู้ต้องหายังมีพฤติกรรมหลอกลวง ก่อเหตุลักษณะเช่นเดิม จึงกลับมาเป็นกระแสในกลุ่มบริษัทรับส่งสินค้า ต่างออกมาเตือนภัยว่านายเต้กลับมาแล้ว เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมายังมีผู้เสียหายที่หลงเชื่อและโอนเงินไปยังบัญชีของนายเต้ ตั้งแต่หลักแสน จนถึงหลักล้านบาท จนนำมาสู่การออกหมายจับจากศาลแขวงนนทบุรี

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครปฐม ได้รับแจ้งว่าพบตัวผู้ต้องหา ริมถนนบรมราชชนนี กม.15+600 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนเข้าตรวจสอบ และจับกุม โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งให้ทราบว่าต้องถูกจับกุม จึงได้ทำบันทึกจับกุม และนำตัวส่ง สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

>> ชุดสืบวิชิต จับชายลอบเผารถเก๋งอดีตภรรยาหน้าบ้านพักเสียหายวอด สารภาพทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

15.30 น. พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ อำนาจเจริญยิ่ง รอง ผกก.สส.พ.ต.ต.วิทยา กุลน้อย สว.สส.นำกำลังชุดสืบสวน สภ.วิชิตควบคุมตัว นายยอ (นามสมมติ) อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ลงวันที่ 2 ก.ย.68 ในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น ไปชี้จุดซื้อน้ำมันก่อนเข้าไปก่อเหตุลอบเผารถเก๋งมาสด้า 2 สีแดง ทะเบียนภูเก็ต ซึ่งเป็นของ น.ส.ภอ (นามสมมติ) อายุ 49 ปีอดีตภรรยาของนายยุท ซึ่งจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 6 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต เมื่อเวลา 00.55 น.วันที่ 1 ก.ย.68 จนได้รับความเสียหาย ก่อนหลบหนีไป

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิตได้เรียก พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ อำนาจเจริญยิ่ง รอง ผกก.สส.พ.ต.ต.วิทยา กุลน้อย สว.สส.และชุดสืบสวน สภ.วิชิตประชุมและติดตามการสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ผู้ก่อเหตุไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง จนพบกล้องวงจรปิดที่บริเวณหน้าบ้านผู้เสียหายบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้ ตั้งแต่ก่อนก่อเหตุจนก่อเหตุแล้วหลบหนี โดยคนร้ายเป็นชาย 1 คน นุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อกันฝนพลาสติกใส สวมหมวกกันน็อคเดินมายังบริเวณจุดจอดรถเก๋งของผู้เสียหายที่จอดอยู่หน้าบ้าน จากนั้นได้ราดน้ำมันและจุดไฟเผารถทันที หลังเกิดเหตุได้หลบหนีไป

เบื้องต้นผู้เสียหายเชื่อว่าคนร้ายที่ปรากฎในภาพกล้องวงจรปิดคล้ายกับนายยอ ซึ่งเป็นอดีตสามีและเลิกรากันไปกว่า 2 เดือน จากนั้นชุดสืบสวนได้นำหมายจับเข้าจับกุมตัวที่บ้านพักก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.วิชิต

นายยอ ยอมรับเป็นผู้ก่อเหตุวางเพลิงรถเก๋งของอดีตภรรยาจริง เพราะอารมณ์ชั่ววูบและได้สำนึกผิดกับสิ่งที่ก่อเหตุไปแล้ว โดยชุดสืบสวนได้ยึดรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนเสื้อผ้าและหมวกกันน็อคที่ใช้ก่อเหตุได้นำไปทิ้งถังขยะข้างทาง จนกระทั่งมาถูกจับกุมในที่สุด

>> บุกทลายแหล่งผลิตน้ำกระท่อม-ยาแก้ไอเถื่อนกลางมหาสารคาม ยึดของกลางมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

17.17 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และชุดสืบสวน กก.3 บก.ป. นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเช่าไม่มีเลขที่ ริมถนนคลองสมถวิน ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม ทลายแหล่งผลิตและจำหน่ายน้ำต้มพืชกระท่อมพร้อมยาแก้ไอเถื่อน จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ นายกอ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี พร้อมของกลางรวม 9 รายการ อาทิ น้ำต้มพืชกระท่อมกว่า 380 ขวด และยาแก้ไอ 193 ขวด รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

การสืบสวนยังพบว่า ผู้ต้องหามีการดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายอย่างเป็นระบบ ทั้งการสร้างแบรนด์ มีป้ายราคาจำหน่าย และใช้ช่องทางการเงินผ่านพร้อมเพย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จากนั้นผู้ต้องหาถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

>> กทม. แจงความคืบหน้าโครงการก่อสร้าง ยันเร่งประสานลดผลกระทบการจราจร

18.40 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงภาพรวมโครงการก่อสร้างที่ส่งผลกระทบต่อการจราจร ว่า โครงการหลัก ๆ ที่กระทบการจราจร ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งมาจากศูนย์วัฒนธรรม ผ่านทางถนนราชปรารภ เลี้ยวขวาเข้าเพชรบุรีตัดใหม่ มาถึงหลานหลวง ทะลุเข้าราชดำเนินกลาง แล้วไปสนามหลวง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ จากรัฐสภา ไปทางถนนสามเสน ทะลุไปทางสะพานพุทธ แล้วออกไปทางถนนสุขสวัสดิ์ ซึ่งมีการปิดช่องทางจราจรในหลายพื้นที่ ทั้งนี้ ได้มีการดูแลสถานการณ์อยู่

นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างที่กระทบการจราจรช่วงกลางคืน เช่น งานเปิดถนนนำสายไฟฟ้าลงดิน บริเวณถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พระราม 3 พระราม 4 รวมถึงโครงการอื่น ๆ เช่น ทางยกระดับลาดกระบัง หรือถนนที่ยังซ่อมตามซอยต่าง ๆ ได้พยายามเร่งรัดและประสานงานเรื่องการจราจรให้ดีที่สุด

สำหรับความคืบหน้าโครงการทางยกระดับลาดกระบัง คาดว่าจะเปิดได้ในช่วงต้นปี 2569 และรามคำแหง บริเวณหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง น่าจะแล้วเสร็จช่วงใกล้เคียงกัน โดยบริเวณนี้จะมีอุปสรรคเรื่องหม้อแปลงของการกีฬาแห่งประเทศไทยที่อยู่กลางถนน ซึ่งจำเป็นต้องย้ายออก ก็ได้ให้นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าไปติดตามและเร่งรัดงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้งานเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว

>> รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถกระบะ แล้วเสียหลักชนกับรถตู้ซ้ำ กลางถนนหมายเลข 3017 หญิงตั้งครรภ์ 8 เดือนเสียชีวิต

19.50 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู จ.ลพบุรี มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์, รถกระบะ และรถตู้ชนกัน มีทั้งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต บนถนนหมายเลข 3017 ถนนสายตรี ระหว่างซอย 19 ซอย 20 ในพื้นที่ ต.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สีดำ ป้ายทะเบียน สระบุรี สภาพพังเสียหายทั้งคัน และพบรถตู้ โตโยต้า สีเทา ป้ายทะเบียน ลพบุรี สภาพกันชนหน้ารถฝั่งขวามีร่องรอยการชน และห่างออกไปที่ข้างทาง พบรถกระบะ มิตซุบิชิ ไทรทัน สีขาว ป้ายทะเบียน พระนครศรีอยุธยา สภาพพังเสียหาย จากการชนกับรถยนต์ 2 คันที่จอดอยู่บริเวณหน้าอู่รถ ตรวจสอบพบว่ามีผู้บาดเจ็บ ชาย 1 รายเป็นผู้ขับขี่รถ จยย. ถูกนำตัวส่ง รพ.ใกล้เคียงไปแล้ว ส่วนในจุดเกิดเหตุ พบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้หญิง อายุประมาณ 33 ปี ซึ่งเป็นผู้นั่งซ้อนท้ายรถ จยย. และทราบต่อมาว่าผู้เสียชีวิต ตั้งครรภ์ 8 เดือน

เบื้องต้นทราบว่า รถกระบะเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ ทำให้รถจักรยานยนต์เสียหลักชนกับรถตู้ ที่อยู่ขับอยู่ในเลนฝั่งตรงข้าม ส่วนรถกระบะพุ่งเข้าชนรถยนต์ 2 คันที่จอดอยู่แถวอู่รถทำให้ได้รับความเสียหาย ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พัฒนานิคม

>> อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งช่วยเหลือชาวบ้านถูกกระทิงทำร้ายบาดเจ็บ พร้อมกำชับอุทยานฯ กุยบุรี เร่งวางมาตรการป้องกันสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ป่า

20.25 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายอนุชาติ อาจหาญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กรณีเกิดเหตุการณ์กระทิงทำร้ายชาวบ้านนอกพื้นที่อุทยานฯ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ โดยผู้บาดเจ็บ คือ นายสมพงษ์ อายุ 64 ปี ถูกทำร้ายขณะอยู่ในแปลงสับปะรดที่บ้านยางชุม ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ต่อมาเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และทีมกู้ชีพจากมูลนิธิหลวงพ่อในกุฎิได้เข้าช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลกุยบุรีอย่างเร่งด่วน โดยนายสมพงษ์มีบาดแผลฉีกขาดที่หน้าอก และผลเอ็กซเรย์พบว่าปอดฉีกขาดและมีเลือดออกในช่องอก แพทย์จึงส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์

ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามอาการและอำนวยความสะดวกในการรักษาพยาบาลแก่นายสมพงษ์อย่างเต็มที่ พร้อมกำชับให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรีเร่งกำหนดมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าออกนอกเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์มาทำร้ายประชาชนได้

>> รถกระบะพุ่งลงข้างทาง ริมถนนแจ้งสนิท พบคุณลุงวัย 65 ปีเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ.

21.30 น. ศูนย์วิทยุกู้ภัยเขื่องใน ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถกระบะเสียหลักพลิกคว่ำและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณถนนแจ้งสนิท ใกล้เคียงแยกดู่น้อย ในพื้นที่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ อีซูซุ สีเทา อยู่ในพงหญ้าข้างทางสภาพหน้ารถพังเสียหาย ตรวจสอบภายในยานพาหนะ พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย หมดสติ ไม่มีชีพจร ศีรษะบวมช้ำ เลือดออกบริเวณหู ทางอาสาสมัครดำเนินการนำร่างออกมา แล้วช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจ และประสานทางรถกู้ชีพมาดำเนินการนำส่ง รพ.เขื่องใน และรับแจ้งว่าได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 65 ปี ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขื่องใน

>> เหตุยิงกันที่อู่รถยนต์ ย่านริมถนนธัญบุรี - วังน้อย ดับแล้ว 2 เจ็บสาหัสอีก 3 ราย ตร.เร่งสอบสวน จ.ปทุมธานี

23.00 น. รับแจ้งเบื้องต้นจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีเหตุยิงกัน มีผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 คน และได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 3 คน อยู่ระหว่างให้การช่วยเหลือปั๊มหัวใจที่เกิดเหตุ และอีก 1 รายพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลแล้ว เหตุเกิดบริเวณอู่รถแห่งหนึ่ง ถนนธัญบุรี - วังน้อย ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี

มูลนิธิร่วมกตัญญู เพิ่มเติม ที่เกิดเหตุเป็นอู่ซ่อมรถ พบว่า มีผู้ถูกยิงทั้งหมด 5 ราย โดยในที่เกิดเหตุเสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 3 ราย ลักษณะถูกยิงเข้าที่ศีรษะ อาสาสมัครกำลังช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจ ส่วนอีก 1 รายพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลแล้ว

คืบหน้า พบว่าผู้บาดเจ็บชาย 1 ราย ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาบนรถบรรทุก ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย เป็นผู้ชาย และผู้หญิง ส่วนอีก 2 รายทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัยกำลังเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง โดยผู้บาดเจ็บที่อาการสาหัสทั้งหมด 3 ราย อยู่ รพ.คลองหลวง ชาย 1 ราย, อยู่ รพ.หนองเสือ ชาย 1 ราย และอยู่ รพ.ธัญบุรี หญิง 1 ราย พื้นที่ สภ.คลองห้า

>> เพลิงไหม้ภายในร้านอาหาร ซอยลาดพร้าว 94

01.02 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยลาดพร้าว 94 ถนนลาดพร้าว แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ประกอบกิจการร้านอาหารและใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 1 ภายในห้องประกอบอาหาร เพลิงลุกไหม้เตาไฟฟ้า พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 2 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่เตาไฟฟ้า ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยหัวหมาก

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...