รัฐสภาเกาหลีใต้ ผ่านกฎหมาย Commercial Act ฉบับแก้ไข เพิ่มสิทธิผู้ถือหุ้นส่วนน้อย-หวังลบ Korea Discount
รัฐสภาเกาหลีใต้ ไฟเขียวแก้กฎหมาย Commercial Act บังคับบริษัทใหญ่ต้องจัดการเลือกตั้งแยกคณะกรรมการตรวจสอบ และเปิดทางผู้ถือหุ้นส่วนน้อยมีสิทธิส่งตัวแทนเข้าสู่บอร์ด
วันที่ 25 สิงหาคม 2568 สำนักข่าว CNBC รายงานว่า รัฐสภาเกาหลีใต้มีมติผ่านร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม Commercial Act โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริษัทต่อผู้ถือหุ้น และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของฝ่ายรัฐบาลในการผลักดันการปฏิรูประบบกำกับดูแลกิจการ (corporate governance) เพื่อยกระดับมูลค่าตลาดหุ้นของประเทศ
คิม จิน-อุค นักวิเคราะห์จาก Citi Research ประจำกรุงโซล ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมต่อจากร่างกฎหมายที่ผ่านเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยกำหนดให้บริษัทขนาดใหญ่ต้องจัดให้มีการลงคะแนนแยก (separate votes) มากขึ้นในการเลือกสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบ (audit committee) เพื่อเสริมสร้างกลไกตรวจสอบภายใน อีกทั้งยังเปิดทางให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยสามารถเลือกตัวแทนเข้าสู่คณะกรรมการบริษัทได้
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ที่ให้คำมั่นว่าจะรื้อฟื้นกฎหมายเพื่อควบคุมการใช้อำนาจเกินขอบเขตของผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยเขามองว่าการปรับปรุงธรรมาภิบาลของบริษัทจะช่วยลบ “Korea Discount” หรือส่วนลดด้านมูลค่าหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศมักใช้เรียกการที่บริษัทเกาหลีถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าบริษัทต่างชาติ เนื่องจากโครงสร้างการกำกับดูแลที่ไม่โปร่งใส
ปัจจุบันพรรคประชาธิปไตย (Democratic Party) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรที่มี 300 ที่นั่ง ทำให้สามารถผลักดันกฎหมายที่เป็นประเด็นขัดแย้งได้ง่ายกว่าสมัยรัฐบาลรักษาการของอดีตประธานาธิบดี ฮัน ดัก-ซู ที่เคยคัดค้านกฎหมายนี้เพื่อปกป้องกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่
อย่างไรก็ดีภาคธุรกิจเกาหลีใต้ยังคงคัดค้านอย่างรุนแรง โดย สมาพันธ์อุตสาหกรรมเกาหลี (Federation of Korean Industries) ออกแถลงการณ์ระบุว่า“เรารู้สึกเสียใจที่รัฐสภามีมติผ่านร่างแก้ไขเพิ่มเติม Commercial Act เพียงหนึ่งเดือนหลังจากการแก้ไขครั้งแรก ซึ่งมีเนื้อหาขยายการเลือกตั้งแยกสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบ และบังคับใช้ระบบการลงคะแนนสะสม (cumulative voting)”
สมาพันธ์ฯ ยังเรียกร้องให้รัฐสภาหาทางลดผลกระทบ เนื่องจากกฎหมายฉบับใหม่นี้อาจก่อให้เกิดข้อพิพาทในการบริหารจัดการและความเสี่ยงทางกฎหมายที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อ้างอิง : www.cnbc.com