"หมอบี" พร้อมทนายความเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม กับพนักงานสอบสวนกองปราบฯ
"หมอบี" พร้อมทนายความเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม กับพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ปัดตอบปมมั่นใจว่ายังบริสุทธิ์อยู่ ด้าน "บิ๊กเต่า" เตรียมประชุมพรุ่งนี้
(12 ส.ค. 2568) นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ หมอบี พร้อมทนายความเดินทางเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม หรือ กก.1 บก.ป. หลังได้เข้าให้ข้อมูลพร้อมนำเอกสารมาพบพนักงานสอบสวนไปเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 โดยเจ้าตัวได้พยายามหลบสื่อ
จากนั้นในเวลา 17:35 น. หมอบีพร้อมกับทนายความและทีมงานเดินลงมาจากบริเวณอาคารจอดรถด้วยสีหน้าแจ่มใสยิ้มให้กับนักข่าวตอนแรกก็ชะงักนิดนึงเพราะเห็นนักข่าวมารออยู่ที่บริเวณที่จอดรถ ถามว่าเป็นไงบ้างสบายใจไหมหรือว่ามั่นใจในหลักฐานไหม หมอบีไม่ตอบ แต่ชูมือเหมือนกับว่าแค่นี้ก่อนนะครับแล้วก็ยิ้มให้กับนักข่าวคือสีหน้าแจ่มใส แล้วก็ขึ้นรถเก๋งออกไป ใช้เวลาในการยื่นเอกสารประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลการสืบสวน ในคดีโกงเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ เชื่อมโยงไปถึงทรัพย์สินของวัดที่ถูกโอนไปให้กับบุคคลและนิติบุคคลในการครอบครองหรือไม่นั้น เบื้องต้นตำรวจยังไม่พบว่าทั้ง 2 คดีมีความเชื่อมโยงกัน แต่ยังคงต้องพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่า ทรัพย์สินและโฉนดที่ดินต่างๆ ที่โอนไปให้กับบุคคลอื่นถือครองนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หรือเข้าข่ายผิดกฎหมายในข้อใดบ้าง
หากเปรียบเทียบตามหลักกฎหมายแล้ว พฤติกรรมของ หลวงพ่ออลงกต ถือว่าเป็นการทำธุรกรรมที่ไม่ปกติ การได้มาที่ดิน ภายใต้วัดเป็นกรรมสิทธิ์ต้องผ่านขบวนการ ทำเรื่องไปยังสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมหาเถรสมาคมเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก หลายวัดส่วนใหญ่จึงจดตั้งมูลนิธิของวัดขึ้นมาเพื่อถือครองทรัพย์สินและที่ดินต่างๆ แทน แต่ในกรณีที่พบว่านำเงินที่บริจาคให้วัดไปซื้อภายใต้ชื่อบุคคลนั้นไม่สามารถกระทำได้ เว้นแต่เป็นเจ้าของที่ดินมอบให้กับทางวัดใช้ประโยชน์ โดยไม่ได้มอบกรรมสิทธิ์
หากพบว่า หลวงพ่ออลงกต ซึ่งอยู่ในตำแห่งเจ้าอาวาส มีฐานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ นำเงินบริจาคไปซื้อที่ดินภายใต้ชื่อบุคคลอื่น หรือไม่ติดตามทรัพย์สินของวัดคืน ถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิด "เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" และ "เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริต" ตามประมวนกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 157 และถือว่าเป็นข้อหาที่เข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงินด้วย
ในวันพรุ่งนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเตรียมเรียกพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม จะประชุมหารือ กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง