'สภาฯ' ลงมติประชุมถกMOU เป็นการลับ 'ฝ่ายค้าน' ซัดปิดหูปิดตา
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯ ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วนที่เสนอโดย วาจา ของ 4 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน พรรคเป็นธรรม และ พรรคเพื่อไทย ให้สภาฯ พิจารณาประเด็นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเกี่ยวข้องกับบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ฉบับที่ 2543 และฉบับที่ 44
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนเข้าสู่การพิจารณาเนื้อหา นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ฐานะกรรมการรประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ระบุว่าไม่ขัดข้องที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าว แต่ขอให้ที่ประชุมสภาฯ พิจารณารายละเอียดของญัตติดังกล่าวเป็นการลับ แต่ถูกทักท้วงจากสส.พรรคฝ่ายค้าน เพราะมองว่าเนื้อหาในเอ็มโอยู 2543 และ เอ็มโอยู 2544 มีเนื้อหาที่เผยแพร่โดยทั่วไปกว่า 20 ปีแล้ว อีกทั้งให้เกิดการประชุมลับเท่ากับปิดหูปิดตาประชาชน
ซึ่ง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงว่า เหตุที่ต้องเสนอให้ประชุมลับ เพราะกังวลว่าจะควบคุมการอภิปรายไม่ได้ และอาจสร้างความเสียหายกับประเทศ
เช่นเดียวกับนายสุทิน คลังแสง สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ชี้แจงด้วยว่า นักการเมืองมีอิสระเสรีพูดได้ทุกเรื่องไม่ควรมีข้อจำกัด แต่มี2เรื่องให้ระวัง ต้องใช้วุฒิภาวะระดับสูง คือ เรื่องความมั่นคง และการแบ่งแยกฝ่ายค้านกับรัฐบาล สำหรับความมั่นคงเหตุผลที่ต้องใช้วุฒิภาวะ แม้เป็นความจริงที่ควรให้ประชาชนรู้ แต่ต้องดูระยะเวลาไม่ใช่ให้รู้ทุกอย่างเหมือนฝ่ายทำงาน ทั้งนี้ไม่ใช่ปิดหูปิดตา แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์หากอยู่ในกรอบเอ็มโอยูอย่างเดียวไม่มีปัญหา แต่เชื่อว่าการอภิปรายจะมีอารมณ์ และเกินจากสาระ
“เป็นเรื่องเปราะบาง และอ่อนไหว เพราะหากให้ฝ่ายกัมพูชารู้ หากอยากให้เขารู้ทุกเรื่องสามารถประชุมเปิดเผยได้ แต่หากอยากให้คนไทยรู้แต่กัมพูชาไม่ควรรู้ควรเป็นการประชุมลับ อีกทั้งบางเรื่องอาจจะเป็นการยั่วยุ และบางเรื่องอาจขาดอำนาจต่อรอง สำหรับการประชุมลับไม่ใช่เรื่องแปลกหรือทำไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ยืนยันไม่ใช่การปิดหูปิดตาประชาชนแต่เป็นประโยชน์ประชาชนมากกว่า คววรคุยจำกัดวง เป็นเรื่องยุทธศาสตร์ที่คุยกันไม่คววรคู่ต่อสู้หรือข้าศึกรู้” นายสุทิน อภิปราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส.ฝ่ายค้าน และ สส.ฝ่ายรัฐบาลต่างมีความเห็นไม่ตรงกันกับวิธีการประชุม ขณะเดียวกันนายวัชระพล ยืนยันให้ประชุมเป็นการลับ ทำให้นายไชยยา วินิจฉัยว่า การเสนอให้ประชุมลับ ต้องมีการรับรองโดยสมาชิกไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 หรือ 123 เสียง โดยผลการรับรองให้ประชุมลับ 198 เสียง อย่างไรก็ดีที่ประชุมได้ตกลงให้ประชุมลับภายหลังจากการเสนอญัตติของผู้เสนอแล้วเสร็จ