ข่าวดีคอกาแฟ! พบวิธีดื่มง่ายๆ แต่ต้านอัลไซเมอร์-พาร์กินสันได้ "เกือบครึ่ง" แค่เลือกให้ถูก
คอกาแฟฟังทางนี้! ดื่ม "กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล" ช่วยลดเสี่ยงอัลไซเมอร์-พาร์กินสัน
ใครที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟมีเฮ! เพราะล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า การดื่มกาแฟแบบ “ไม่ใส่น้ำตาล” สามารถส่งผลดีต่อสมองอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในการช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคระบบประสาทเสื่อมอย่าง อัลไซเมอร์ และ พาร์กินสัน
วิจัยจากข้อมูลกว่า 2 แสนคนในสหราชอาณาจักร
งานวิจัยชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Clinical Nutrition โดยทีมนักวิทยาศาสตร์จากประเทศจีน ได้วิเคราะห์ข้อมูลจาก UK Biobank ซึ่งรวบรวมจากผู้เข้าร่วมกว่า 200,000 คน อายุระหว่าง 40–69 ปี
เป้าหมายคือศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการดื่มกาแฟกับความเสี่ยงต่อโรคทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์ และพาร์กินสัน
ดื่ม “กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล” ช่วยลดความเสี่ยงได้จริง
จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟโดยไม่เติมน้ำตาล มีความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสันลดลงถึง 29–30% และมีความเสี่ยงเสียชีวิตจากโรคเหล่านี้น้อยลงถึง 43%
แม้แต่ผู้ที่ดื่มกาแฟ ดีแคฟ (ไร้คาเฟอีน) หากไม่ใส่น้ำตาลหรือสารให้ความหวาน ก็ยังมีผลดีคล้ายกัน โดยช่วยลดความเสี่ยงลงได้ถึง 34–37% และลดอัตราการเสียชีวิตลง 47%
แต่ถ้าเติมน้ำตาล หรือสารให้ความหวาน… ประโยชน์ลดฮวบ!
ตรงกันข้าม ผู้ที่ดื่มกาแฟโดยเติมน้ำตาลหรือน้ำตาลเทียม ไม่พบผลเชิงบวกต่อสมองอย่างมีนัยสำคัญ และอาจลดทอนประโยชน์ที่กาแฟมอบให้ตามธรรมชาติ
ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่า หากต้องการได้ประโยชน์จากกาแฟแบบเต็ม ๆ ควรดื่มเป็น กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลหรือสารให้ความหวาน
ควรดื่ม “เมื่อไหร่” และ “เท่าไหร่” จึงจะเหมาะสม?
จากคำแนะนำของ FDA สหรัฐฯ ควรดื่มกาแฟไม่เกิน 4 แก้วต่อวัน โดยปริมาณที่เหมาะสมคือ 2–3 แก้ว และควรหลีกเลี่ยงการดื่มทันทีหลังตื่นนอน
ดร.ไมเคิล บรุส ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ ระบุว่า ควรรออย่างน้อย 60–90 นาที ก่อนดื่มกาแฟแก้วแรก เพื่อไม่ให้รบกวนการหลั่งของฮอร์โมน “คอร์ติซอล” ซึ่งเป็นฮอร์โมนปลุกให้ร่างกายตื่นตามธรรมชาติ
ดื่มกาแฟช่วงบ่ายอาจทำให้นอนไม่หลับ
คาเฟอีนอยู่ในร่างกายได้นานถึง 1.5–9.5 ชั่วโมง แล้วแต่ร่างกายแต่ละคน หากดื่มกาแฟดึกเกินไป อาจทำให้ นอนหลับยาก, หลับไม่สนิท หรือสะดุ้งกลางดึก
ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่า ควรงดกาแฟหลัง 14.00 น. โดยเฉพาะคนที่ไวต่อคาเฟอีน
ใครที่ยังติดกาแฟใส่น้ำตาล อาจถึงเวลาลองเปลี่ยนดูแล้ว เพราะแค่ "ตัดหวาน" อาจหมายถึงการดูแลสมองในระยะยาวก็เป็นได้!