FSD แทนที่จะดึงกลับผลักลูกค้า เทสลายอดขายยุโรปร่วง 7 เดือนติด สวนทาง BYD พุ่ง 225%
ผลสำรวจพบผู้บริโภคอเมริกันจำนวนมากขึ้นมองว่า ระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง Full Self-Driving (Supervised) หรือ FSD ผลักไสมากกว่าจะดึงดูดเข้าหาเทสลา นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า ยอดขายประจำเดือนกรกฎาคมในยุโรปของเทสลาดิ่งลงมาราธอน 7 เดือนซ้อน สวนทางกับยอดขายบีวายดีที่พุ่งโด่ง 225%
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สลิงช็อต ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการเมือง ได้เผยแพร่รายงานอิเล็กทริก วีฮิเคิล อินเทลลิเจนซ์ รีพอร์ตประจำเดือนสิงหาคม ที่มาจากการสอบถามความคิดเห็นผู้บริโภคอเมริกัน 8,000 คน และพบว่า 14% บอกว่า FSD ทำให้มีแนวโน้มซื้อเทสลามากขึ้น ขณะที่ 35% บอกว่า เทคโนโลยีดังกล่าวทำให้มีแนวโน้มน้อยลงในการซื้ออีวีแบรนด์นี้ ส่วนอีก 51% ที่เหลือระบุว่า FSD ไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถ
ซีเอ็นบีซีรายงานว่า อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก เคยกล่าวว่า อนาคตของเทสลาขึ้นอยู่กับความสามารถในการนำเสนอรถอัตโนมัติและบริการที่เกี่ยวข้อง แต่ปัจจุบัน เทสลายังเป็นรองเวย์โมของอัลฟาเบ็ต และอะพอลโลของไป่ตู้ในตลาดโรโบแท็กซี่
เทสลาเพิ่งอยู่ในช่วงแรกของการทดสอบบริการโรโบแท็กซี่ในเมืองออสติน รัฐเทกซัส และย่านซานฟรานซิสโกเบย์แอเรีย โดยที่รถอัตโนมัติในออสตินมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยนั่งเบาะหน้าในตำแหน่งผู้โดยสาร ขณะที่ในซานฟรานซิสโก เจ้าหน้าที่นั่งในตำแหน่งคนขับ
รายได้ส่วนใหญ่ของเทสลาตอนนี้มาจากยอดขายอีวี และแม้มัสก์คุยว่า FSD เป็นหนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้บริษัทได้เปรียบคู่แข่ง ทว่า เดือนที่แล้ว บรรดาผู้บริหารชี้ว่า เทสลามีปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ที่ส่งผลต่อการใช้ FSD
ในการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 มัสก์บอกว่า คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า มี FSD และดูเหมือนเจ้าของเทสลาครึ่งหนึ่งไม่เคยลองใช้ เขาบอกว่า จะเริ่มแจ้งเกี่ยวกับระบบนี้เมื่อลูกค้านำรถเข้ารับบริการ รวมทั้งจะส่งวิดีโอสาธิตวิธีใช้ไปให้ลูกค้า
มัสก์เคยโพสต์บน X ว่า FSD “ทำงานได้ในทุกสภาวะ” โดยจะ “ปกป้องชีวิต” และเป็น “ผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนชีวิต” สำหรับผู้คนมากมาย เขายังเคยแชร์วิดีโอของผู้ใช้เทสลาที่ปล่อยให้ FSD ทำงานโดยที่ไม่ได้กุมพวงมาลัยรถเลย
ทว่า ในคู่มือผู้ใช้รถ เทสลาระบุเงื่อนไขหลายอย่างที่อาจไม่สามารถวางใจ FSD Supervised ได้ทั้งหมด พร้อมเตือนผู้ใช้ให้จับพวงมาลัยตลอดเวลา และเตรียมพร้อมบังคับรถหรือเบรก
ทั้งนี้ รายงานของสลิงช็อตยังพบว่า ในบรรดาผู้ตอบแบบสำรวจที่กำลังเล็งซื้อรถพลังงานไฟฟ้า 100% นั้น มีเพียง 20% ที่บอกว่า FSD ทำให้โน้มเอียงซื้อเทสลามากขึ้น ขณะที่ 33% มีแนวโน้มน้อยลงที่จะซื้อ
อีวาน รอธ สมิธ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของสลิงช็อต ชี้ว่า ปัจจัยสำคัญอาจมาจากการที่แผนการตลาดของเทสลาขาดความชัดเจนและความตรงไปตรงมา
ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ยังต้องการให้อเมริกาออกกฎระเบียบควบคุมรถอัตโนมัติที่มีความเข้มงวดและระบุชัดเจนว่า รถแต่ละคันเป็นรถอัตโนมัติเต็มรูปแบบหรือแค่บางส่วน รวมทั้งยังต้องการให้ผู้ผลิตรับผิดชอบกรณีเกิดอุบัติเหตุ และเผยแพร่คำเตือนเกี่ยวกับระบบช่วยขับขี่แบบ FSD
ผลสำรวจยังชี้ว่า นอกจากปัญหาเกี่ยวกับ FSD แล้ว เทสลายังมีชื่อเสียงแย่ที่สุดในหมู่ผู้ผลิตอีวีในอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ และเสริมว่า การฟ้องร้องเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์และคำตัดสินในคดีเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อชื่อเสียงของเทสลา
ต้นเดือนสิงหาคม คณะลูกขุนในไมอามี รัฐฟลอริดา มีคำสั่งให้เทสลาจ่ายค่าชดเชยราว 243 ล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อปี 2019 ที่เกี่ยวข้องกับระบบออโต้ไพล็อตของบริษัท อย่างไรก็ดี เทสลามีแผนยื่นอุทธรณ์
รายงานของสลิงช็อตยังพบว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จำนวนผู้บริโภคที่มองว่า รถเทสลาไม่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นจาก 34% เป็น 36% ขณะที่ผู้บริโภคที่มองว่า เทสลาปลอดภัยมากลดจาก 17% เหลือ 13%
ในทางกลับกัน ฮอนด้า โตโยต้า และเชฟโรเลตติดกลุ่มรถที่ผู้สอบแบบสำรวจส่วนใหญ่เชื่อว่า ปลอดภัยที่สุด
ผลสำรวจนี้ออกมาพร้อมกับรายงานของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งยุโรป (ACEA) ประจำเดือนกรกฎาคมที่พบว่า ยอดจดทะเบียนรถใหม่ของเทสลาอยู่ที่ 8,837 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 40% ขณะที่ยอดจดทะเบียนรถใหม่ของบีวายดี บริษัทอีวียักษ์ใหญ่สัญชาติจีนที่เพิ่งบุกตลาดยุโรปไม่ถึง 3 ปี อยู่ที่ 13,503 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปี 2024 ถึง 225%
ที่น่าสังเกตคือ ยอดขายเทสลาซึ่งดิ่งลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 เกิดขึ้นทั้งที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่โดยรวมในยุโรปเพิ่มขึ้น 39.1% และสูงกว่าอัตราเติบโตของยอดขายรถเครื่องยนต์สันดาป
เทสลาเผชิญความท้าทายหลายอย่างในตลาดนี้ ซึ่งรวมถึงการแข่งขันรุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากค่ายรถจีน ชื่อเสียงแบรนด์ที่เสียหายจากวาทกรรมทางการเมืองและการที่มัสก์ร่วมงานกับคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการสนับสนุนพรรคการเมืองขวาจัด AfD ของเยอรมนี
สถานการณ์ของเทสลายังระส่ำระสายทั่วโลก ยอดขายไตรมาสสองลดลง และมัสก์เตือนว่า อาจต้องเผชิญความยากลำบากอีก 2-3 ไตรมาส
โทมัส เบสสัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยภาคยานยนต์ของ Kepler Cheuvreux ชี้ว่า ฝ่ายบริหารของเทสลาพยายามโน้มน้าวนักลงทุนว่า จริงๆ แล้วเทสลาไม่ใช่บริษัทรถ ด้วยการพูดถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โรโบติกส์ และระบบขับขี่อัตโนมัติ
เบสสันสำทับว่า สาเหตุที่ยอดขายเทสลาร่วงมาจากการที่บริษัทเว้นระยะการเปิดตัวรถรุ่นใหม่นานกว่าคู่แข่งมาก แถมผลิตภัณฑ์รุ่นหลังๆ ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง โดยเฉพาะไซเบอร์ทรัค
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO