DNA รักชาติ! “น็อต วรฤทธิ์” เคลียร์ทัวร์ลงโดนปลดรายการดังอุดมการณ์ชัดเจน มีภูมิคุ้มกันคอมเมนต์เชิงลบ!
โดนทัวร์ลงเป็นงานประจำ สำหรับพิธีกรฝีปากกล้า "น็อต วรฤทธิ์" ที่มักถูกโยงเป็นดรามาร้อนๆทุกครั้งที่มีโอกาสสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องกับทางการเมือง อย่างล่าสุดเกิดเป็นวาทะร้อนหลังสัมภาษณ์ "จักรภพ เพ็ญแข" จนโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์แรง บานปลายไปถึงถูกสั่งปลดจากรายการดังที่เจ้าตัวเป็นพิธีกร งานนี้ลัดคิวมาเปิดใจผ่านรายการ โต๊ะหนูแหม่ม" ช่องเวิร์คพอยท์หมายเลข23 กับเหตุผลที่ตนเองมีอุดมการณ์และจุดยืนที่ชัดเจนขนาดนี้
น็อต เผยว่า "เรื่องดราม่าเทปนั้น เหตุเกิดจากเราขึ้น เราซีเรียสมันไม่ใช่เรื่องที่จะมาแก้ตัว มันต้องพูดกันตรงๆ ต้องสื่อสารกันตรงๆเพราะทุกคนอยากรู้ว่าแล้วจะต้องทำยังไง เหตุการณ์มันจะบานปลายไปขนาดไหน และจะจัดการยังไงให้จบได้เร็วที่สุด มันคือหน้าที่ของเค้าที่เราอยากรู้คำตอบ เราไม่ได้มีการพูดคุยอะไรว่าเป็นรายการสด จริงๆต้องมีถ่ายรูปรวมกัน แต่พี่เค้ารีบ เค้ามีธุระ (หัวเราะ)"
"จริงๆที่คนว่าเราเป็นพิธีกรและใช้อารมณ์มากไป มันมีคนว่าเยอะ ตัวเราเองก็รู้สึกว่าเราใช้ความเป็นตัวเองมากเกินไป คือหลายคนคอมเมนต์บอกว่าทำไมไม่เป็นมืออาชีพเลย ทำไมไม่ควบคุมรายการทำไมถึงใส่อารมณ์ ผมก็ยอมรับว่า ณ เวลานั้นผมไม่ได้ใช้ความมืออาชีพในการเป็นพิธีกร ผมใช้หัวใจในการทำงาน ผมอยากรู้ เวลาเราเป็นพิธีกร เราอยากรู้อะไรเราก็ถาม ไม่ได้ตามสคริปต์ เพื่อให้ได้คำตอบตามที่เราต้องการนั้นคือวิธีการทำงานของผม ผมรู้สึกว่าผมใช้หัวใจทำงานผมใช้เลือดเนื้อในการทำงานมากเกินไป จริงๆพอไหนมาไหน ทุกคนก็บอกว่าให้กำลังใจนะ เค้าก็ให้กำลังใจอยากจะบอกว่าขอบคุณทุกคนมากครับ"
น็อต เล่าต่อว่า "เรื่องคนเม้าท์ว่าโดนปลดจากพิธีกรคือ มดดำก็ส่งข่าวมาให้อ่าน จะปลดได้ไงฉันจะปลดแกได้ยังไง อย่างที่หลายคนรู้มดดำก็เป็นเพื่อนที่น่ารักคนนึง คนที่รักคนรอบตัว รักคนรอบรอบตัวทุกคนจริงๆ แล้วก็หวังดีกับทุกคนจริงๆ เรื่องการปลดผมว่าคงไม่ได้โดนปลดเพราะว่ามดดำคงไม่ไปบอกว่าให้เลิกจากผู้ชายคนนี้ซะ ไม่น่าจะเกิดจากมดดำ ถ้าจะโดนปลดก็น่าจะเกิดจากสาเหตุอื่น แต่ ณ วันนี้ไม่ได้มีการปลดอะไรก็ยังอยู่ด้วยกันไป เรื่องดราม่าจากการเมือง ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมโดน ผมโดนเยอะ ผมโดนทัวร์ลงมาเยอะมาก ถ้ามีแขกรับเชิญที่เป็นเรื่องของการเมืองเมื่อไรผมโดนตลอด เพราะคนจะมองว่าตามที่เค้าเรียกผมว่าไอ้สลิ่ม ก็ว่ากันไป ผมก็รู้สึกว่าผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง จะเป็นอะไรก็เป็นคนไทยเนอะ ถามว่ากลัวไหม คือถ้ากลัวผมคงไม่ทำ ก็ไม่รู้จะกลัวทำไม อ่านทุกคอมเมนต์มั้ย อันนี้อ่านไม่ไหวครับ เพราะมันเยอะ มันเป็นหมื่นๆคอมเมนต์ มันเยอะมากเป็นหมื่นๆ ทุกวันนี้ก็ยังมีคนด่า คนอัดคลิปด่า ผมก็ดูมีคนส่งมาให้ ก็แล้วแต่ ต่างคนต่างมีความคิดเห็น ผมรู้สึกไม่สนใจ ไม่รู้ว่าจะต้องไปเถียงทำไม เถียงไปก็เท่านั้นไม่มีประโยชน์ ถ้าคนมันโดนปิดหูปิดตาแล้ว"
"บ้านผมไม่ดรามากัน คือคุณพ่อคุณแม่ไม่ดรามาเข้าสอนให้เราเข้าใจโลก อาจจะเป็นเพราะว่าตอนเด็กๆเราถูกปล่อยให้ดูแลตัวเอง ดูแลทั้งร่างกายและจิตใจด้วยตัวเองตั้งแต่เด็กๆโดยการที่ส่งไปเรียนต่างประเทศ ทำให้เราสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง ถามว่ารู้สึกว่าโกรธมั้ย เจ็บใจมั้ยมันมีความรู้สึก แต่แค่รู้สึกว่าถ้าเรากดไปความโมโหนั้นมันอยู่กับตัวเอง มันไม่มีใครไปรับความรู้สึกตรงนั้นเพราะเราไปทะเลาะกับใครก็ไม่รู้ แต่เราก็จะทุกข์อยู่คนเดียวแล้วเราจะทำไปทำไม แรกๆผมเป็นรู้สึกว่าเราทุกข์อยู่คนเดียว เราเจ็บอยู่คนเดียว แล้วใครรับรู้ตรงนี้รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรก็ไม่โกรธดีกว่า ที่คนบอกว่าผมเป็นคนที่ชัดมาตลอดกับภาพรักชาติศาสน์กษัตริย์ คือเราครอบครัวคนไทยเนอะ พ่อกับแม่ไม่ได้สอนเค้าทำให้เราเห็นมากกว่า แล้วผมก็ยึดมั่นในสามสิ่งนี้ คือชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ ขอแค่สามอย่างนี้อย่างอื่นคุณจะว่าอะไรว่าไป สามอย่างนี้คืออย่าแตะต้อง ผมขอแค่นี้เลย มันอยู่ในดีเอ็นเอของเรา มันอยู่ในเลือดเราเพราะเราคือคนไทย"