เผยสาเหตุ ศาลยกฟ้อง "โตโต้ ปิยรัฐ" รอดคดี 112 งานนี้ชัดเจน
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.3012/64 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้องนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน (ปชน.) และอดีตหัวหน้าการ์ดกลุ่ม WeVo เป็นจำเลยในความผิดดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
กรณีเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 63 จำเลยได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวทำนอง ประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สลายกิจกรรมการขายกุ้งของกลุ่มวีโว่ ช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 รวมทั้งข้อความบางส่วนได้พาดพิงถึงการใช้เงินภาษีของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นการดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายสถาบันเบื้องสูง
หลังจากนายปิยรัฐได้เดินทางเข้าศาลอาญา โดยศาลใช้เวลาในการพิจารณาคดีครึ่งชั่วโมง ศาลพิเคราะห์แล้วข้อความที่ปรากฏตามเพจเฟซบุ๊กของนายปิยรัฐ ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะ มีการโพสต์ถึงการทำงานของจำเลย และจำเลยเคยได้ไลฟ์สด โดยเพจดังกล่าวมีแอดมินเพจทั้งหมด 5 คน ไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนว่าเป็นคนโพสต์ข้อความดังกล่าว ทั้งนี้ ข้อความที่โจทก์ฟ้องนั้น มีหลักฐานว่าปรากฏบนเฟซบุ๊กในเวลา 14.15 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2563 แต่ในขณะนั้นจำเลยถูกควบคุมตัวตั้งแต่เวลา 12.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1)
โดยระหว่างนั้นจำเลยถูกควบคุมตัว และได้ประกันตัวในวันที่ 2 มกราคม 2564 พยานหลักฐานโจทก์จึงมีความสงสัย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง
ต่อมา นายปิยรัฐเปิดเผยว่า ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ที่ผ่านมา ศาลได้พิพากษายกฟ้องคดีมาตรา 112 โดยศาลให้เหตุผลว่า เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ตนเองถูกกล่าวหานั้นเป็นการกระทำของตัวเอง แม้แต่เพจที่มีการนำเสนอว่าเป็นเพจของตนเองนั้นก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีแอดมินหรือผู้ใดเป็นผู้โพสต์ รวมถึงศาลได้ชี้ชัดให้เห็นว่าขณะที่ตนเองถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความนั้น ตัวยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่ค่าย ตชด. ภาค 1 ซึ่งไม่สามารถใช้เครื่องมือสื่อสารได้ คดีไม่มีมูล ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง
ส่วนจะมีการฟ้องดำเนินคดีกลับหรือไม่นั้น นายปิยรัฐระบุว่า ไม่ได้มีความคิดที่จะแจ้งความกลับ เพราะคิดว่านี่เป็นบทเรียนให้สังคมไทยได้รู้ว่า คดีมาตรา 112 นั้นสามารถนำมาใช้กลั่นแกล้งกันได้ แม้ผู้ที่ถูกฟ้องจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่รัฐก็ตาม ยังสามารถส่งเรื่องถึงศาลได้
นอกจากนี้ นายปิยรัฐกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองยังเหลือคดีมาตรา 112 อีกหนึ่งคดีที่ศาล จ.อุบลราชธานี ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบพยาน ซึ่งลักษณะการต่อสู้ยังคงยืนยันในหลักการว่าพยายามที่จะต่อสู้ตามข้อเท็จจริง เช่นเดียวกันกับศาลอาญาและศาลกาฬสินธุ์ที่ศาลพิพากษายกฟ้องคดีมาตรา 112 ทั้ง 2 คดีต่อเนื่องกัน ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่า ต่อไปนี้ใครโดนคดีมาตรา 112 อาจจะต้องมาขึ้นศาลและเสียเวลาชีวิตไป 1-2 ปี
ทั้งนี้ นายปิยรัฐกล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมาตนถูกฟ้องดำเนินคดีมากกว่า 20 คดี ซึ่งตนเดินทางเข้ารับฟังคำพิพากษาทุกคดี ไม่ว่าจะอยู่ในสมัยประชุมสภาฯ หรือไม่ โดยไม่เคยใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. แม้แต่ครั้งเดียว