ลูกควบคุมอารมณ์ไม่ได้ : สิ่งที่พ่อแม่ควรเรียนรู้เมื่อลูกใช้อารมณ์ทำร้ายคนอื่น
ในวัยเด็ก การแสดงออกทางอารมณ์เป็นเรื่องปกติ แต่บางครั้งอารมณ์เหล่านั้นอาจรุนแรงจนกลายเป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการผลัก ดัน ตี หรือพูดจารุนแรง คุณพ่อคุณแม่ย่อมรู้สึกตกใจหรือผิดหวังเมื่อเห็นลูกมีพฤติกรรมเช่นนั้น แต่ลืมคิดไปว่า พฤติกรรมรุนแรงของลูกอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าลูกไม่สามารถจัดการอารมณ์ของตัวเองและกำลังต้องการความช่วยเหลือเพื่อออกจากสถานการณ์นั้นๆหลายครอบครัวเผชิญสถานการณ์ที่ ลูกควบคุมอารมณ์ไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อลูกเจอกับความเครียด ความผิดหวัง หรือความโกรธที่มากเกินรับไหว หากคุณพ่อคุณแม่ไม่เข้าใจที่มาของพฤติกรรมเหล่านั้น ก็อาจนำไปสู่การตำหนิหรือการลงโทษที่ยิ่งทำให้ลูกเกิดอารมณ์ด้านลบมากขึ้นดังนั้น เมื่อ ลูกควบคุมอารมณ์ไม่ได้ สิ่งสำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ต้องเรียนรู้วิธีและมีวิธีรับมืออย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ที่ใช้ความรุนแรงทำร้ายและสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมต่อไป1. การสอนลูกจัดการอารมณ์คือบทเรียนสำคัญ
พฤติกรรมก้าวร้าวเป็นผลจากอารมณ์ที่รุนแรง และไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ซึ่งเด็กๆ ไม่สามารถเรียนรู้ทักษะนี้ได้เองตามธรรมชาติ หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่จึงไม่ใช่แค่การบอกให้ลูก ‘‘หยุดโวยวาย’’ หรือ ‘‘ห้ามแกล้งเพื่อน’’ แต่ต้องช่วยให้ลูกรู้จักจัดการอารมณ์เหล่านั้นด้วยเริ่มจากการสอนให้ลูกรู้จักอารมณ์ ทั้งอารมณ์โกรธ เศร้า มีความสุข เมื่อลูกแยกแยะอารมณ์เชิงบวกและเชิงลบได้แล้ว จึงค่อยๆ สอนวิธีการระบายอารมณ์อย่างสร้างสรรค์ เช่น เวลาโกรธให้หายใจเข้าออกลึกๆ นับเลข หรือให้วาดรูปเมื่อรู้สึกเศร้าเสียใจ จะช่วยให้ลูกมีเครื่องมือในการรับมือกับอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ ได้ โดยไม่ใช้ความรุนแรง2. อย่ากดดันลูกมากเกินไป
การตั้งความคาดหวังสูงเกินไป เช่น ต้องเรียนเก่ง ต้องเชื่อฟังทุกเรื่อง อาจทำให้ลูกเกิดความเครียดและเก็บกดจนระเบิดออกมาในรูปแบบพฤติกรรมก้าวร้าว คุณพ่อคุณแม่จึงควรปรับระดับความคาดหวังของตัวเองให้เหมาะสม และยอมรับในศักยภาพของลูก ไม่กดดันว่าลูกต้องดีหรือเก่งที่สุด เพราะจะทำให้ลูกเครียดและกดดันจนอาจระเบิดอารมณ์รุนแรงออกมาได้3. พ่อแม่ควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ลูกกล้าเปิดใจ
เด็กหลายคนเลือกที่จะเก็บปัญหาไว้กับตัว ไม่กล้าพูดความจริงหรือเล่าเรื่องราวที่เผชิญอยู่ให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง เพราะกลัวว่าจะถูกตำหนิการเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับลูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุด คุณพ่อคุณแม่ควรสร้างบรรยากาศในบ้านให้ลูกรู้สึกว่าสามารถพูดคุยได้อย่างเปิดอก ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดีก็ตาม การรับฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ตัดสินจะช่วยให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและเป็นที่รัก ช่วยลดความกดดันและพฤติกรรมก้าวร้าวจากการขาดคนรับฟังได้4. การสื่อสารกับลูกเป็นเรื่องสำคัญ
การพูดคุยกับเรื่องเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อลูกเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น นับเป็นช่วงเวลาท้าทายที่สุดสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ การใช้คำพูดสั่งสอนลูกแบบเดิม หรือการตำหนิ อาจส่งผลต่อจิตใจลูกได้มากกว่าปกติ คุณพ่อคุณแม่จึงควรมีกลยุทธ์ในการสื่อสาร ความเข้าใจและการให้เกียรติเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำรุนแรง และใช้วิธีการสื่อสารแบบสันติวิธี เห็นอกเห็นใจ และใช้เหตุผลแทน การสื่อสารที่ถูกต้องจะช่วยลดความขัดแย้งและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว5. อย่ามองข้ามพฤติกรรมก้าวร้าวเพียงเล็กน้อยของลูก
บางครั้งที่ลูกวัยเตาะแตะหรือวัยเรียนแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว คุณพ่อคุณแม่อาจมองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ หรือเป็นนิสัยตามธรรมชาติของเด็ก แต่ความจริงแล้วคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้ามสัญญาณแรกเริ่มเหล่านั้น เพราะพฤติกรรมก้าวร้าวของลูก อาจกำลังบอกว่าลูกกำลังประสบปัญหา เช่น มีความเครียด หรืออยากได้รับความสนใจ หากพฤติกรรมก้าวร้าวเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที อาจทำให้ความก้าวร้าวกลายเป็นส่วนหนึ่งของนิสัยของลูกต่อไปได้อ่านบทความ: ลูกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้: 5 พฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่กระตุ้นให้ลูกเป็นเด็กโมโหร้ายอ้างอิงpptvhd36CamhChildmind