‘เอสแอนด์พี’ พลิกกระบวนท่าครึ่งปีหลัง ดึงแบรนด์ใหม่ QSR สหรัฐ เสริมทัพยอดขาย
ผ่านครึ่งปี 2568 ภาพใหญ่ธุรกิจร้านอาหารไม่เพียงการแข่งขันสูง แต่ผู้ประกอบการเล็ก-ใหญ่ เจอโจทย์หิน เศรษฐกิจ กำลังซื้อ ฉุดยอดขายไม่น้อย
“เอสแอนด์พี” ไม่เพียงมีธุรกิจร้านอาหารในไทยแต่ยังมีแบรนด์และร้านในต่างประเทศ ทว่า ผลงาน 6 เดือนแรก “กำธร ศิลาอ่อน” ที่เพิ่งรับไม้ต่อกับบทบาทแม่ทัพใหญ่เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กับตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด(มหาชน) ถึงกับออกปาก“ปีนี้เป็นปีที่ยากอีกปีหนึ่งของประเทศไทย”
ขณะที่ “เอสแอนด์พี” ฐานทัพธุรกิจสำคัญอยู่ในไทยทำรายได้สัดส่วนถึง 90% เมื่อเศรษฐกิจในประเทศไม่ดี สถานการณ์ต่างๆ “แย่ลง” บริษัทจึงได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก
ผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัท ทำยอดขาย 1,323 ล้านบาท ลดลง 9% หรือคิดเป็น 130 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ 36 ล้านบาท “ลดลง 59%” หรือคิดเป็น 53 ล้านบาท ทั้งนี้ การขายสินค้าทั้งซื้อกลับบ้าน หดตัว 6% ทานอาหารที่ร้าน(Dine-in) ลดลง 10% และเดลิเวอรีลดลง 4% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้ 6 เดือนแรก ยอดขายรวมอยู่ที่ 2,701 ล้านบาท ลดลง7% และกำไรสุทธิ 84 ล้านบาท ลดลง 54% หรือคิดเป็น 98 ล้านบาท โดยซื้อกลับบ้านลดลง 6% ทานที่ร้านลดลง 6% และเดลิเวอรี ลดลง 2%
ภาพรวมยอดขายและ “กำไรลดลง” เป็นผลพวงจากเศรษฐกิจกระทบการบริโภคในประเทศ ร้านอาหารและเบเกอรีที่มีสาขาในห้างค้าปลีกเผชิญลูกค้าหรือทราฟฟิกลดลง ทำให้ร้านเดิมยอดขายลด 4-5% ส่วนร้านอาหารของ เอสแอนด์พี ในสนามบินทั้ง “สุวรรณภูมิ” และ “ดอนเมือง” ยอดขายตกไม่แพ้กันในอัตรา 23% รวมถึงกลุ่มการค้าปลีก และฟู้ดเซอร์วิสลดลง 22 ล้านบาท
ครึ่งปีแรก บริษัทงัดหลากกระบวนท่าเพื่อสร้างการเติบโต เบเกอรีมี “ชิโอปัง” ที่ทำยอดขายเกือบแตะ 1 ล้านชิ้นใน 3 เดือน ได้ “แม่ทัพการตลาดคนใหม่” มาเสริมทีม และปรับคอนเซปต์ใหม่ร้านเบเกอรีสู่ “อบสด” หรือ S&P Fresh Bake ใน 101 สาขา ตู้จำหน่ายเบเกอรีจัดวางใหม่ให้สดใส โดดเด่น
ด้านร้านอาหารญี่ปุ่น “ไมเซน” ปิด 4 สาขา ส่วนต่างประเทศ “ร้านภัทรา” ในอังกฤษ มีการปรับปรุงใหญ่ พร้อมเปลี่ยนชื่อหรือรีแบรนด์สู่ “ปลาตะเพียน” เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อเข้าสู่ไตรมาส 3 ผ่านไปเพียง 1 เดือนเศษ สถานการณ์ยอดขายยังไล่ไม่ทันหรือ catch up เท่าปีก่อนด้วย
“เริ่มไตรมาส 3 มา 1 เดือนกว่า ยังไม่มีแนวโน้มที่ยอดขายจะเท่ากับปีก่อน และการเทิร์นอะราวด์อาจไม่ใช่ไตรมาส 3 และไม่รู้ภาพรวมปีก่อนธุรกิจเราดีเป็นพิเศษ หรือปีนี้แย่เป็นพิเศษ ซึ่งมีหลายปัจจัยทั้งภูมิรัฐศาสตร์ ภาพใหญ่เศรษฐกิจที่พึ่งพาส่งออก ท่องเที่ยวค่อนข้างมาก เมื่อท่องเที่ยวหายไปครึ่งหนึ่ง จึงทำให้เศรษฐกิจบ้านเราติดลบ จีดีพีเราที่โหล่(รั้งท้าย)อาเซียน ภาพรวมจึงกระทบยอดขายบริษัทหดตัวมาก กำไรหายไป ต้องใช้กลยุทธ์ต่างๆผลักดันการเติบโต เพื่อทดแทนยอดขายกำไรที่หายไป แต่ตอนนี้ยังทดแทนไม่ได้”
ครึ่งปีหลัง “เอสแอนด์พี” ยกเครื่องหลายมิติ ร้านอาหารส่ง 2 คอนเซปต์ พลีสเชอร์ เจาะกลุ่มครอบครัว เมนูอาหารเสิร์ฟ บรรยากาศร้านผ่อนคลาย สบาย เจาะกลุ่มเป้าหมาย การเปิดร้านมุ่งร้านเดี่ยวหรือสแตนอะโลน และห้างค้าปลีกบางสาขา ส่วนคอนเซปต์ฟังก์ชัน หรือมาตรฐาน เป็นร้านที่มุ่ง “ทำกำไร” เปิดร้านเน้นขนาด 100 ตารางเมตร(ตร.ม.) เสิร์ฟเมนูอาหารจานเดียว เจาะทำเลสนามบิน อาคารสำนักงาน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล ซึ่งนำร่องสาขาโรงพยาบาลพญาไท 2 แห่งแรก
“โมเดลร้านอาหารเปลี่ยน เราไม่มุ่งขนาด 100-200 ตร.ม.แล้ว จะมุ่งเสิร์ฟอาหารจานเดียว จานด่วน”
“บลู คัพ” ร้านเครื่องดื่มที่ซ่อน-แทรกตัวในร้านเอสแอนด์พี ได้เวลาฉายเดี่ยวเป็น คีออส เสิร์ฟคอกาแฟ คนรุ่นใหม่ วัยทำงาน คอนเซปต์ใหม่จะเห็นไตรมาส 3 นี้
เบเกอรีได้ฤกษ์ทำตลาด ขนมไว้พระจันทร์ ที่จะมีไซส์ใหม่ ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เช่น 125 กรัม 80 กรัม จากเดิมมี 150 กรัม คุกกี้ เตรียมขายรับเทศกาลปีใหม่ การเฉลิมฉลองในไตรมาส 4 และจะเห็น“คุกกี้” สินค้าแมส “เข้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นครั้งแรก” ด้วย จากเดิมมีเพียงขนมไหว้พระจันทร์ขายแล้วกว่าสิบปีในร้านสะดวกซื้อ เค้กรังสรรค์ไซส์เล็กครึ่งปอนด์รับคนรุ่นใหม่ ร้านเบเกอรีดิสเพลย์ให้ทันสมัยขึ้น และมีขนมอบสด ซื้อกลับบ้านกระตุ้นการเติบโต
ส่วนต่างประเทศ เอสแอนด์พี ผนึกพันธมิตรขยายร้านอาหารรูปแบบ “แฟรนไชส์” เจาะลาว ณ เมืองเวียงจันท์
อีกไฮไลท์ ปี 25668 “เอสแอนด์พี” ดึงแบรนด์ร้านอาหารบริการด่วน(QSR) จากสหรัฐมาเปิดในประเทศไทย 2 สาขา เอาใจคนรุ่นใหม่ด้วย
“เร็วๆนี้เราจะมีแบรนด์ QSR ใหม่จากสหรัฐ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตสุดของโลก บริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ แบรนด์มีการขยายไปตลาดอังกฤษ สิงคโปร์ ออสเตรเลียและตะวันออกกลาง ประสบความสำเร็จมากๆทุกตลาดที่เปิดใหม่ และความตั้งใจของบริษัทจะเปิด 2 สาขาในปีนี้”