เสียงสะท้อนเศรษฐกิจซบ! Wisesight Research ชี้ ‘ของแพง-ค่าไฟพุ่ง’ คือเรื่องที่คนบ่นบนโซเชียลมากสุดในครึ่งปีแรก 2025
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ภูมิทัศน์พฤติกรรมของผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดียได้สะท้อนภาพการปรับตัวครั้งใหญ่ได้อย่างน่าสนใจ โดยทีม Wisesight Research ได้ถอดรหัสบทสนทนานับล้านข้อความ เพื่อชี้ให้เห็นถึงเทรนด์การใช้จ่ายและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป
ข้อมูลชี้ว่าประเด็นเรื่องเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายจำเป็น เป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดบนโซเชียลมีเดีย ด้วยจำนวนมหาศาลถึง 24,797,789 Engagement จาก 499,869 ข้อความ หัวใจของบทสนทนาคือ ‘ความไม่สมดุลระหว่างรายได้กับรายจ่าย’ โดยผู้บริโภคแสดงความกังวลที่แฝงด้วยความไม่พอใจต่อโครงสร้างตลาดที่ถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ให้นายทุนและธุรกิจผูกขาด
ภายใต้การบ่นว่า ‘ของแพง’ ต่างพูดถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น (4,019,026 Engagement / 102,505 ข้อความ) และประเด็น ‘ค่าไฟแพง’ (2,575,636 Engagement / 16,686 ข้อความ) ซึ่งถูกหยิบยกมาเป็นสัญลักษณ์ของแรงกดดันทางเศรษฐกิจ และมักถูกเชื่อมโยงกับการถกเถียงเรื่องโครงสร้างพลังงานของประเทศ สิ่งนี้ยังส่งผลให้ความกังวลเรื่องคุณภาพชีวิตแรงงานและปัญหาการว่างงานถูกพูดถึงมากขึ้นตามไปด้วย
ภาวะเศรษฐกิจที่บีบคั้นนี้ ได้ผลักดันให้ผู้บริโภคต้องปรับตัวสู่การเป็น นักช้อปที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่ามากกว่าแค่ชื่อเสียงของแบรนด์ ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยตอกย้ำภาพนี้ โดยชี้ว่ารายได้ครัวเรือนไทยโตเฉลี่ยเพียง 1% ต่อปี แต่รายจ่ายกลับโตถึง 1.5%
ทำให้ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของครัวเรือน (21,069 บาท) สูงกว่ารายได้ (19,319 บาท) และส่งผลให้ยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคชะลอตัวลงจาก 3.8% ในปี 2024 เหลือ 3.0% ในปี 2025
ปรากฏการณ์ ‘ฉลาดจ่าย’ นี้ ยังสะท้อนผ่านไลฟ์สไตล์ของคน Gen Y ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนสองกลุ่ม ซึ่ง Wisesight Research ได้วิเคราะห์ออกมาเป็นกลุ่ม SINK และ DINK
กลุ่ม SINK (Single Income No Kids) – โสด มีเป้าหมาย เน้นคุณค่าให้ตัวเอง
SINK คือกลุ่มคนโสดที่มีรายได้ทางเดียว ไม่มีภาระเรื่องลูก และมีเป้าหมายในชีวิตชัดเจน พวกเขาให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินเพื่ออิสรภาพในระยะยาว และดูแลตัวเองในแบบที่ ‘พอเพียงแต่มีคุณภาพ’ โดยไม่จำเป็นต้องหยุดซื้อของราคาแพง แต่จะซื้ออย่างมีเหตุผลมากขึ้น เช่น เปลี่ยนไปซื้อสกินแคร์ขนาดทดลอง หรือมองหาแบรนด์ Dupe ที่คุณภาพใกล้เคียง
ไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้ยังทำให้กิจกรรมเดี่ยวกลายเป็นเรื่องปกติ จากการสนทนาเรื่อง ‘การกินข้าวคนเดียว’ กว่า 23,839 ข้อความ พบว่านี่คือช่วงเวลาส่วนตัวเพื่อ ‘ชาร์จแบตให้ตัวเอง’ โดย 30% ของผู้ที่กินข้าวคนเดียวมักจะดูวิดีโอคอนเทนต์หรือฟัง Podcast ไปด้วย
เช่นเดียวกับการไปคอนเสิร์ตคนเดียวที่กลายเป็นเทรนด์ใหม่ของการเยียวยาจิตใจ ซึ่งมีการพูดถึงเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม กระแสการเที่ยวคนเดียว (Solo Travel) ที่มีถึง 21,257 ข้อความ กลับลดลง 22% จากปี 2024 ซึ่งสะท้อนความกังวลด้านค่าใช้จ่ายและความปลอดภัย
กลุ่ม DINK (Double Income, No Kids) – คู่รักไร้ลูก พร้อมลงทุนเพื่อ ‘เวลาคุณภาพ’
DINK คือกลุ่มคู่รักที่ทำงานทั้งคู่และไม่มีลูก ทำให้มีกำลังซื้อสูงและเลือกที่จะลงทุนกับ ‘ประสบการณ์’ และความสุขร่วมกันมากกว่าวัตถุฟุ่มเฟือย พวกเขามองว่าการได้ใช้ช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันคือความคุ้มค่า และพร้อม ‘จ่ายเพื่อแก้ปัญหา’ ที่อาจกระทบความสัมพันธ์ เช่น การจ้างแม่บ้านทำความสะอาดเพื่อลดการทะเลาะกันเรื่องงานบ้าน หรือยอมจ่ายราคาบุฟเฟต์เท่าแฟนแม้ตัวเองจะกินน้อย เพื่อขอแค่ได้นั่งข้างกัน
กลุ่ม DINK มีแรงจูงใจในการวางแผนการเงินร่วมกันเพื่อเป้าหมายในอนาคต เช่น การเกษยณเร็วเพื่อไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน โดยการลงทุนที่ถูกพูดถึงสูงสุดคือการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยหรือปล่อยเช่า, การซื้อหุ้น และการเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ ด้วยกัน
การเปลี่ยนแปลงนี้บ่งชี้ว่า สภาวะเศรษฐกิจไม่ได้แค่ทำให้คนประหยัดขึ้น แต่กำลังสร้างนิยามใหม่ของความคุ้มค่าที่แตกต่างกันไปในแต่ละไลฟ์สไตล์ ธุรกิจที่เข้าใจความต้องการเชิงลึกของกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่ฉลาดเลือกและฉลาดจ่ายได้อย่างแท้จริง จะเป็นผู้ที่สามารถคว้าโอกาสในตลาดที่มีความซับซ้อนนี้ไปครองได้