เสนาธิการกองทัพไทย ยืนยันชาวกัมพูชาปลูกบ้าน 18 หลังรุกล้ำดินแดนไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 26 ส.ค. 2568 บริเวณชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหารกองบัญชากองทัพไทย พร้อมคณะ และ พลโทวันชนะ สวัสดี เดินทางลงพื้นที่จุดตรวจ ส.34 บ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านเตรยจัน ตำบลห้า อำเภอโอจโร จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีมวลชนชาวกัมพูชา รวมกลุ่มกันเรียกร้องให้ฝ่ายไทย รื้อลวดหนามหีบเพลงออก โดยมีการเผยแพร่ลงในสื่อโซเชียลอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ทางกองกำลังบูรพา โดยมีพันเอกปฏิวัติ เฟื่องประพัฒน์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ,พันเอกชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกองกำลังบูรพาพา เข้าดำเนินการพาเจ้าหน้าที่ไปยังจุดต่าง ๆ โดยทางทหารได้นำทีมของคณะเสนาธิการทหารไปดูแนวรั้วลวดหนามหีบเพลงที่ฝ่ายไทยล้อมปิดกั้นไม่ให้ชาวกัมพูชาเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของไทยโดยได้ชี้ให้เห็นถึงแนวเขตแดนประเทศไทย และบริเวณดังกล่าวมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จำนวน 18 หลังคาเรือน ซึ่งถือว่า เป็นการรุกล้ำดินแดนไทยอย่างชัดเจน
บางช่วงระหว่างที่ พลเอกมนัส เดินสำรวจบริเวณพื้นที่ ได้มีการพูดถึงว่า หลังจากนี้ต้องผลักดันกลุ่มชาวกัมพูชา หรือ ทหารที่แฝงตัวมาเป็นชาวบ้าน และมีการรุกล้ำพื้นที่ของดินแดนไทย หากการเจรจาไม่เป็นผล อาจจะใช้กำลังด้วยการปะทะ
ขณะที่ พลโทวันชนะ สวัสดี กล่าวว่า คณะเสนาธิการทหาร จะนำเรื่องนี้นำเสนอต่อไปยังที่ประชุม JBC เพื่อให้ทางการกัมพูชา แก้ไขและลงมาดูแลประชาชนของตนเองโดยด่วน มิฉะนั้นทางการไทย ถือว่า มีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะขับไล่ออกจากแผ่นดินไทย
ขอให้ส่งเสียงไปยังนายฮุนเซ็น และนายฮุนมานิต ผู้นำกัมพูชา ให้ลงมาดูแลประชาชน 18 ครัวเรือนของตนเองด้วย เนื่องจากเขตแดนที่ใช้อยู่ในขณะนี้เป็นเขตแดนที่ตกลงร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐของกัมพูชาและไทย ใน MOU 43 จะเห็นได้ว่า ประชาชนกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทยอย่างชัดเจ ทหารไทยมีสิทธิ์ในการปกป้องอธิปไตย ขับไล่ผู้บุกรุกออกจากประเทศไทยตามหลักมนุษยธรรม อย่างเข้มงวด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบผ่านด้านหลังสแลนดำ ทางด้านฝั่งกัมพูชาได้มีมวลชนกลุ่มเปราะบาง ทั้งเด็ก ถูกนำมาถือป้ายเพื่อประท้วงให้ฝ่ายไทย รื้อลวดหนาม โดยอ้างว่า ฝ่ายไทยไม่ปฏิบัติตาม MOU 43 ซึ่งในความเป็นจริง ประชาชนอาจจะไม่ได้รู้ข้อมูลเรื่องหลักเขตแดนที่แท้จริง จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลกัมพูชา ที่จะต้องสื่อสารข้อเท็จจริงให้กับประชาชนได้รับทราบต่อไป