ผัก 10 ชนิดห้ามกินดิบ บางชนิดมีสารพิษธรรมชาติ แนะทำให้สุก ได้ประโยชน์เต็มๆ
เปิดลิสต์ผัก 12 ชนิด ที่ไม่ควรกินดิบ แนะทำให้สุกก่อนได้ประโยชน์แบบเต็มๆ และบางชนิดมีสารพิษตามธรรมชาติเป็นอันตรายมาก
แม้ผักจะอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ และเป็นแหล่งสารอาหารสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ แต่การบริโภคผักก็ต้องใส่ใจวิธีการกินเช่นกัน โดยเฉพาะการกินผักดิบ เพราะผักบางชนิดอาจแฝงสารพิษตามธรรมชาติ หรือสารต้านการดูดซึมสารอาหาร ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย มาดูรายชื่อผักที่ไม่แนะนำให้กินดิบ พร้อมเหตุผลที่คุณควรรู้ก่อนหยิบเข้าปาก
มันสำปะหลัง
การบริโภคมันสำปะหลังดิบ ไม่ว่าจะเป็นส่วนหัว ราก หรือใบ อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต เนื่องจากมีสารพิษที่สามารถรบกวนการทำงานของระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต ส่งผลให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง ในรายที่ได้รับพิษไม่มาก อาจมีอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียได้เช่นกัน
หน่อไม้
หน่อไม้สดมีสารไซยาโนเจนิก ไกลโคไซด์ (Cyanogenic Glycoside) ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ในร่างกายได้ สารพิษนี้จะไปจับกับฮีโมโกลบินในเลือด ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน หากได้รับในปริมาณมากอาจมีอาการรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก ทุรนทุราย หมดสติ และในบางรายอาจถึงขั้นเสียชีวิต
กะหล่ำปลี
การรับประทานกะหล่ำปลีในรูปแบบดิบอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต เนื่องจากในกะหล่ำปลีมีสารออกซาเลต (Oxalate) ที่สามารถจับตัวกับแคลเซียมภายในร่างกาย กลายเป็นสารประกอบแคลเซียมออกซาเลต หากสะสมในไตมากเกินไป ก็อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอย่างนิ่วในไตได้ในระยะยาว
บรอกโคลี
แม้จะเป็นผักยอดนิยมในสายสุขภาพ แต่บรอกโคลีดิบอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดได้ เพราะมีน้ำตาลบางชนิดที่ร่างกายย่อยได้ยาก หากไม่ผ่านความร้อน นอกจากนี้ยังมีสารประกอบบางชนิดที่อาจรบกวนการทำงานของต่อมไทรอยด์ โดยเฉพาะหากบริโภคในปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม สารเหล่านี้จะสลายตัวเมื่อผ่านกระบวนการปรุงสุก จึงแนะนำให้กินบรอกโคลีแบบปรุงสุกจะดีกว่า
ถั่วงอก
ถั่วงอกสดเป็นผักที่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานแบบดิบ เนื่องจากอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย เช่น ซัลโมเนลลา และอีโคไล ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ ถั่วงอกบางแหล่งยังอาจมีการใช้สารฟอกขาวประเภทโซเดียมซัลไฟต์ ซึ่งหากร่างกายได้รับในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ แน่นหน้าอก ปวดท้อง หรือความดันโลหิตลดต่ำกว่าปกติ เพื่อความปลอดภัย ควรปรุงให้สุกก่อนรับประทาน เพื่อช่วยทำลายเชื้อและลดความเสี่ยงจากสารตกค้างต่าง ๆ
เห็ด
อย่ากินดิบเด็ดขาดแม้เห็ดจะเป็นวัตถุดิบยอดนิยมในหลากหลายเมนู แต่การบริโภคเห็ดแบบดิบอาจเป็นอันตรายโดยที่หลายคนไม่รู้ โดยเฉพาะเห็ดสีขาวชนิดทั่วไป ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีสารที่ชื่อว่า อะการิทีน อยู่ภายใน สารชนิดนี้ถูกจัดเป็นหนึ่งในสารที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้หากสะสมในร่างกาย อย่างไรก็ตาม สารอะการิทีนจะถูกทำลายลงได้ด้วยความร้อน หากเห็ดถูกปรุงสุกอย่างเหมาะสม ก็สามารถลดความเสี่ยงนี้ได้อย่างมาก ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเห็ดสดหรือเห็ดดิบทุกชนิด และเลือกกินเฉพาะเห็ดที่ผ่านการปรุงสุกแล้วเท่านั้น
ถั่วฝักยาว
แม้จะเป็นผักที่อยู่คู่ครัวไทย และมักปรากฏในจานส้มตำแทบทุกจาน แต่ถั่วฝักยาวกลับไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักหากบริโภคในรูปแบบดิบ เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะปนเปื้อนสารเคมีจากยาฆ่าแมลง แม้จะล้างอย่างดีแล้ว ก็ยังอาจหลงเหลือสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย นอกจากนี้ ในถั่วฝักยาวยังมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการท้องอืด โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารและผู้สูงอายุ การรับประทานแบบดิบจึงอาจไม่เหมาะกับทุกคน เพื่อความปลอดภัยและสบายท้อง แนะนำให้นำถั่วฝักยาวไปปรุงสุกก่อนทุกครั้ง
ผักโขม
ผักโขมจัดเป็นผักใบเขียวที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ แต่รู้หรือไม่ว่า การรับประทานผักโขมในรูปแบบดิบอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากในผักโขมดิบมีกรดออกซาลิก (Oxalic acid) ซึ่งมีคุณสมบัติไปจับตัวกับแร่ธาตุจำเป็นอย่างแคลเซียมและธาตุเหล็ก ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารเหล่านี้ได้น้อยลง โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะพร่องแร่ธาตุ หรือเสี่ยงขาดธาตุเหล็กและแคลเซียม การเลือกบริโภคผักโขมที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุกอาจยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพแบบไม่รู้ตัว ดังนั้น ทางเลือกที่ดีกว่าคือการนำผักโขมไปผ่านความร้อน ไม่ว่าจะเป็นการลวก ต้ม หรือผัด ซึ่งจะช่วยลดปริมาณกรดออกซาลิกได้
แครอท
แม้ว่าแครอทจะเป็นผักยอดฮิตที่หลายคนชอบรับประทานแบบสด เพราะกรอบ หวาน และสะดวก แต่รู้หรือไม่ว่า การกินแครอทแบบดิบ อาจทำให้ร่างกายได้รับสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร เหตุผลก็คือ สารเบต้าแคโรทีนในแครอทจะถูกดูดซึมได้ดีขึ้นเมื่อผ่านการปรุงสุก เพราะความร้อนช่วยทำลายผนังเซลล์ของผัก ทำให้ร่างกายเข้าถึงสารอาหารได้มากขึ้น ดังนั้น หากอยากให้แครอทส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างเต็มที่ แนะนำให้นำไปนึ่ง ลวก หรือต้มเบาๆ ก่อนรับประทาน จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางอาหารได้มากกว่าเดิม
มันเทศ
แม้มันเทศจะเป็นพืชหัวที่ให้พลังงานสูง มีรสหวานตามธรรมชาติ และอุดมด้วยไฟเบอร์ แต่รู้หรือไม่ว่าการรับประทานมันเทศแบบดิบ อาจไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพเท่าไรนัก ในหัวมันเทศดิบมีสารไซยาไนด์ (Cyanide) ซึ่งแม้จะมีปริมาณน้อยกว่ามันสำปะหลัง แต่ก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มสารพิษที่ควรระวัง นอกจากนี้ยังพบสารออกซาเลต (Oxalates) ที่อาจเข้าไปขัดขวางกระบวนการดูดซึมแคลเซียมและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย และเมื่อสะสมมากขึ้น อาจเพิ่มโอกาสเกิดนิ่วในไตได้เช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงเหล่านี้ แนะนำให้นำมันเทศไปต้ม อบ หรือนึ่งจนสุกก่อนบริโภค และอย่าลืมล้างทำความสะอาดให้ดี เพื่อขจัดสารเคมีหรือสิ่งตกค้างที่อาจปนเปื้อนมาจากกระบวนการเพาะปลูก