สะเทือนใจ! เด็ก ม.1 เผาเด็ก 11 ขวบ ตำรวจเร่งสอบสาเหตุ-ให้การไม่ตรงกัน
เด็ก ม.1 ราดน้ำมันจุดไฟเผาเด็กอายุ 11 ขวบ ตำรวจอยุ่ระหว่างสอบสวนสาเหตุ แต่ละฝ่ายให้การไม่ตรงกัน
วันที่ 23 ส.ค.68 เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้ใหญ่บ้านได้รับแจ้งว่า มีชายขี่รถจักรยานยนต์มาสาดน้ำมันราดเผาเด็กอายุ 11 ขวบกลางทุ่งนา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ส่งรักษาตัวตัวโรงพยาบาลสุรินทร์ ที่หมู่บ้านอาม็อง ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่บ้านอาม็อง หมู่ที่ 13 ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อ น้องไผ่ ซึ่งบาดเจ็บบริเวณตั้งแต่ศีรษะจนถึงบริเวณคอและหน้าอกเป็นรอยแผลพุพอง บริเวณด้านหน้าและด้านหลัง เสื้อยังมีรอยไหม้ ตอนนี้ได้ทำการส่งตัวไปที่โรงพยาบาลจังหวัดสุรินทร์ อย่างเร่งด่วน
หลังจากนั้นได้สอบถามทาง นายนัฐพล มาลัย อายุ 54 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอาม็อง ว่า ได้รับแจ้งจากลูกบ้านตอนที่เกิดเหตุและได้แจ้งไปยัง 1669 ในระหว่างที่รอจึงได้สอบถามทางผู้บาดเจ็บซึ่งมีสติดีอยู่ในช่วงนั้น ทราบว่าผู้บาดเจ็บคือน้องไผ่ ได้ไปที่ทุ่งนากับน้องเพชร ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ในระหว่างนั้นช่วงประมาณเที่ยงได้มีชายขี่รถมอเตอร์ไซค์มา เอาน้ำมันมาราดที่ใบหน้าแล้วจุดไฟเผา แล้วชายคนดังกล่าวก็ขับรถ จยย.หนีไปตามถนน แต่พบเสื้อสีชมพูตกจากรถคันดังกล่าว อยู่บนถนน น่าจะเป็นของเพื่อนผู้ก่อเหตุวางไว้ในตระแกรงรถหรือไม่ ส่วนตนเองก็ถอดเสื้อผ้าแล้วก็จุ่มน้ำที่บริเวณทุ่งนา แล้วก็เดินทางกลับบ้านบอกยายแล้วก็มานอนพักบริเวณแคร่หลังบ้าน แล้วได้สอบถามอีกว่า จำชื่อหน้าตาคนที่เอาน้ำมันมาราดได้ไหม เด็กผู้บาดเจ็บบอกว่าคนชื่อโด้ อยู่บ้านหนองปรือเป็น คนเอาน้ำมันมาราดสาดใส่แล้วจุดไฟเผา สอดคล้องกับตนที่ก่อนเที่ยงตนได้ไปที่ทุ่งนากลับจากทุ่งนาได้เห็นเด็กกลุ่มนั้นอยู่ที่ทุ่งนาพอดี หลังจากนั้นรถโรงพยาบาลมารับตัวไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลสุรินทร์
ผู้สื่อข่าวได้ไปที่บ้านของคนที่ชื่อโด้ อายุ 13 ปี ซึ่งทราบว่าเรียนอยู่ชั้น ม.1 ผู้ที่ก่อเหตุ แต่ตำรวจได้นำตัวไปสอบปากคำแล้ว จึงได้สอบถามทางญาติ แต่ไม่ให้สัมภาษณ์อะไร ได้แต่บอกเพียงว่า เด็กย่างปลากินกันจึงโดนน้ำมันเบนซินลวก ซึ่งข้อมูลทั้งสองฝ่ายไม่ตรงกัน ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสุรินทร์ กำลังทำการสอบปากคำพยานหลายๆปากและผู้เห็นเหตุการณ์หลายๆคน เพื่อนำไปสู่ข้อเท็จจริง พร้อมกับให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย หากมีความคืบหน้าอย่างไร ผู้สื่อข่าวจะนำเสนอความคืบหน้าต่อไป