โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ทบ.พบ สะเก็ดระเบิดชนิดร้ายแรง จากอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา ยิงใส่บ้านคนไทย

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

4 ก.ย.กองบัญชาการกองทัพบกพ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ กองทัพบก ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยังคงจัดชุดพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายจากการสู้รบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบบ้านเรือนประชาชนในหมู่บ้านโจรก ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ภายหลังเกิดเหตุกระสุนจากอาวุธวิถีโค้งของฝ่ายกัมพูชาตกลงมาในหมู่บ้าน ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบหลุมระเบิดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.30 เมตร บริเวณหน้าบ้านที่ได้รับความเสียหาย จึงได้ทำการเก็บตัวอย่างน้ำและดินจากบริเวณหลุม เพื่อนำไปตรวจสอบองค์ประกอบของสารระเบิดในห้องปฏิบัติการต่อไป

นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานสำคัญคือ “ลูกเหล็กทรงกลม” หรือBall Bearing (ลูกเหล็กสะเก็ดระเบิด/ลูกปราย) จำนวนมากปะปนอยู่ในพื้นที่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ให้ความเห็นว่า ลูกเหล็กเหล่านี้ถูกบรรจุไว้ในวัตถุระเบิดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มอานุภาพการสังหารบุคคลในวงกว้าง ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงยิ่งกว่าเศษสะเก็ดระเบิด (Fragment) ที่เกิดจากการแตกตัวของโลหะทั่วไป

ดังนั้น เมื่อกระสุนประเภทนี้ตกลงในพื้นที่ชุมชนพลเรือน ย่อมส่งผลทำลายชีวิตประชาชนอย่างร้ายแรงเป็นวงกว้าง และหากเป็นการยิงโดยเจตนา หรือยิงโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อพลเรือน ก็ถือเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมสากล และเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมสงคราม (War Crime) ตามกฎหมายระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ รายงานผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ จะถูกส่งมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ดำเนินการประท้วง และเรียกร้องด้านมนุษยธรรมในเวทีระหว่างประเทศต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...