งบปี 2569: ขาดดุลสูง งบลงทุนลด เศรษฐกิจไทยเสี่ยงติดหล่ม
ในที่สุด งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ภายใต้วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรท่ามกลางบรรยากาศเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ
แม้ล่าสุด เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ปี 2568 ตามการรายงานของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)จะขยายตัว 2.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สูงกว่าคาดการณ์ที่ 2.5% จากการส่งออกที่พุ่งขึ้นก่อนการใช้ภาษีนำเข้าในสหรัฐฯ แต่หากเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า เศรษฐกิจไทยโตช้าลง จาก 0.7% เป็น 0.3%
สำหรับวงเงินงบประมาณรายจ่ายที่จัดสรรในปี 69 อยู่ที่ราว 3.78 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ 0.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน และถือเป็นการขยายตัวที่ต่ำที่สุดในรอบหลายปี สะท้อนภาพความตึงตัวทางการคลัง
ขณะที่รายจ่ายประจำยังคงกินสัดส่วนหลักของงบทั้งหมด ทำให้พื้นที่สำหรับ “งบลงทุน” ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างกลับหดตัวลงกว่า 7.3%
แม้รัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทย จะยืนยันว่า งบประมาณปี 2569 ไม่ใช่เพียงตัวเลขในเอกสาร ไม่ใช่ตัวเลขที่ลอยอยู่ในอากาศ แต่นี่คืองบประมาณที่เราจะนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้อง ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และวางรากฐานอนาคตของประเทศ
ภายใต้ความท้าทายหลากหลายที่เรากำลังเผชิญ รัฐบาลยืนยันจะใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตอบโจทย์ชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกันรัฐบาลยืนยันว่า เป็นการจัดทำงบประมาณในลักษณะ “ขาดดุลอย่างมีวินัย” โดยตั้งเป้าขาดดุลไว้ที่ 860,000 ล้านบาท หรือ 4.3% ของจีดีพี แต่ปัญหาที่ตามมาคือ การจำกัดเครื่องมือทางนโยบาย หากเศรษฐกิจชะลอตัวแรงกว่าคาด รัฐบาลแทบไม่มีพื้นที่สำหรับการออกมาตรการเพิ่มเติมโดยไม่เพิ่มหนี้สาธารณะให้สูงเกินกรอบที่กฎหมายกำหนด
ข้อจำกัดอีกประการที่เห็นชัดคือ “คุณภาพของการใช้จ่าย” งบประมาณส่วนหนึ่งยังถูกจัดสรรไปกับโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดการยกระดับศักยภาพระยะยาว เช่น การอุดหนุนเฉพาะหน้าหรือโครงการก่อสร้าง ที่เน้นการตอบโจทย์ทางการเมืองมากกว่าความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
ฝ่ายค้านและนักวิชาการจำนวนมากจึงตั้งคำถามว่า งบประมาณปี 2569 ขาดทิศทางเชิงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน และอาจไม่สามารถสร้างแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยก้าวพ้นภาวะซบเซาได้
นอกจากนั้น ยังมี “หนี้แฝง” ที่ถูกมองข้ามอยู่ในงบประมาณฉบับนี้ โดยเฉพาะหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้ถูกนับรวมในกรอบงบประมาณปกติ ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท ตัวเลขนี้อาจกลายเป็นระเบิดเวลาทางการคลัง หากไม่มีมาตรการจัดการที่จริงจัง เพราะสุดท้ายภาระเหล่านี้ย่อมตกอยู่ที่รัฐบาลกลางและผู้เสียภาษีในอนาคต
อีกประเด็นที่รัฐบาลอาจมองข้ามคือ “ประสิทธิภาพของระบบราชการ” แม้งบประมาณบางส่วนถูกกันไว้เพื่อพัฒนาฐานข้อมูลและระบบดิจิทัล เช่น โครงการ Data Lake เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลประชาชนและธุรกิจ แต่ความล่าช้าในการเบิกจ่ายและความซ้ำซ้อนของหน่วยงานยังคงเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำให้เม็ดเงินงบประมาณไม่สามารถลงสู่เศรษฐกิจจริงได้เต็มที่
เมื่อมองในภาพรวม งบประมาณปี 2569 อาจถูกมองว่าเป็น “งบประคองตัว” มากกว่าจะเป็น “งบสร้างอนาคต” วงเงินที่จำกัดและโครงสร้างรายจ่ายที่ยังยึดติดกับการใช้จ่ายประจำทำให้ความสามารถในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจมีอย่างจำกัด
หากรัฐบาลยังไม่เร่งแก้ปัญหาที่ถูกละเลย ไม่ว่าจะเป็นหนี้ซ่อนเร้น ประสิทธิภาพระบบราชการ หรือการลงทุนที่ตอบโจทย์โครงสร้างใหม่ของประเทศ งบประมาณนี้ก็อาจกลายเป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้ซื้อเวลา มากกว่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
วิเคราะห์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,124 วันที่ 21 - 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568