รวบ 100 แรงงานพม่าเถื่อนกลางป่า สารภาพกว่าจะเข้ามาได้ใช้เวลานาน 4 วัน
จนท.สนธิกำลังตามสะกดรอยเท้ารวบ 100 แรงงานเถื่อนชาวพม่ากลางป่า สารภาพกว่าจะเข้ามาได้ใช้เวลานาน 4 วัน สุดท้ายโดนจับ
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ 25 ส.ค.68 ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมว่า ขณะเดินลาดตระเวน พบร่องรอยเท้าเป็นจำนวนมากลักษณะเดินตามกันเข้าไปในป่า คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา ที่เพิ่งลงเรือเข้าไปหลบซ่อนตัวภายในป่า
หลังจากได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จึงติดตามสะกดรอยไป จนกระทั่งพบกลุ่มบุคคลทั้งชายหญิงเป็นจำนวนมากหลบซ่อนตัวอยู่ที่ป่าเชิงเขาบริเวณศาลาแดง ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ใกล้กับจุดชมวิวป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม หมู่ 4 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี ห่างจากจุดตรวจร่วมจงอั่วไปประมาณ 5-6 กิโลเมตร
เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมส่งสัญญาณเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้ทั้งหมด จำนวน 100 คน เป็นชาย 62 คน หญิง 38 คน แรงงานทั้ง 100 คน มีกระเป๋าสัมภาระมากันครบ อายุระหว่าง 18-25 ปี หลังจากจับกุมตัวเอาไว้ได้จึงได้นำตัวออกจากป่ามารวมกันที่จุดตรวจร่วมจงอั่ว เพื่อคัดแยกพร้อมตรวจกระเป๋าเพื่อหาสิ่งผิดกฎหมายที่คาดว่ากลุ่มแรงงานบางรายอาจจะลักลอบซุกซ่อนนำพามาด้วย เบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด
จากการสอบสวนเบื้องต้นกลุ่มแรงงานให้การผ่านล่ามว่า มาจากหลายเมืองของประเทศเมียนมา โดยเดินทางมารวมตัวกันที่อำเภอพญาตองซู ก่อนจะนั่งรถยนต์มายังบ้านบ่อญี่ปุ่น (ตรงข้ามจุดตรวจความมั่นคงน้ำเกิ๊ก) จากนั้นมีผู้ชำนาญเส้นทางซึ่งเป็นชาวพม่าด้วยกันนำพาเดินข้ามชายแดนเข้ามาฝั่งไทยด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติ เมื่อข้ามฝั่งเข้ามาได้ ผู้นำพาได้นำเดินลัดเลาะไปตามชายป่าเพื่อหลบด่านตรวจ รอจนค่ำจึงมีรถยนต์มารับ เพื่อลงเรือต่อ ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 3 ชั่วโมง จึงขึ้นฝั่งเพื่อรอรถยนต์มารับ แต่ระหว่างนั่งพักคอยรอคนขับรถยนต์มารับก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน
โดยเสียค่าใช้จ่ายรายละ 10,000-17,000 บาท โดยปลายทางอยู่ในจังหวัด นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และจังหวัดทางภาคใต้
หลังจากกลุ่มผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.สังขละบุรี เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานหาตัวขบวนการผู้ร่วมกระทำผิดอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แล้วค่อยดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อกล่าวหา กระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”ก่อนที่จะผลักดันกลับสู่ประเทศต้นทางต่อไป