ลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาท: พร้อมวิธีใช้สิทธิ์ผ่านแอปฯ 'ทางรัฐ'
รัฐบาล โดยกระทรวงคมนาคม ประกาศความพร้อมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยประชาชนสามารถเริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2568 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป ผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" โดยไม่จำกัดสิทธิและจำนวนผู้ลงทะเบียน
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเชิญชวนประชาชนร่วมลงทะเบียนเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง และจะสามารถเริ่มใช้งานจริงได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
โครงการนี้มีเป้าหมายหลักในการลดค่าครองชีพด้านการเดินทางของประชาชนและส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าจากปัจจุบันเฉลี่ยวันละ 1.7 ล้านเที่ยว ให้เพิ่มขึ้นราว 20%
วิธีลงทะเบียน: ทำได้ง่ายๆ ผ่านแอป "ทางรัฐ"
ผู้ที่มีสัญชาติไทยและมีบัตรประชาชน 13 หลักสามารถลงทะเบียนได้ง่ายๆ โดยมีขั้นตอนดังนี้:
- ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป: ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" บนสมาร์ทโฟน
- ยืนยันตัวตน: สำหรับผู้ใช้งานใหม่ จะต้องยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด เช่น ไปรษณีย์ไทย, Big C, Lotus's, หรือ 7-11
- เข้าสู่ระบบและเลือกเมนู: เปิดแอปฯ และเข้าสู่ระบบ จากนั้นเลือกเมนู "ลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาท"
- ผูกบัตรโดยสาร: ดำเนินการผูกบัตรโดยสารที่ต้องการใช้สิทธิ ซึ่งรองรับบัตร 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ บัตร Rabbit Card และบัตร EMV Contactless
ขั้นตอนผูกบัตรโดยสาร
เช็กให้ชัวร์! บัตรโดยสารที่รองรับและสายรถไฟฟ้าที่เข้าร่วม
ผู้ใช้บริการจะต้องใช้บัตรใบเดียวกับที่ลงทะเบียนไว้เพื่อแตะเข้าและออกจากระบบ เพื่อให้ได้รับสิทธิค่าโดยสาร 20 บาท หากใช้บัตรอื่นที่ไม่ได้ลงทะเบียนหรือซื้อตั๋วเที่ยวเดียว จะถูกคิดค่าโดยสารในอัตราปกติ
โครงการนี้ครอบคลุมโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 10 สาย (13 เส้นทาง) :
สายที่เข้าร่วม: 1. สายสีเขียวเข้ม สนามกีฬาแห่งชาติ - บางหว้า, 2. สายสีเขียวอ่อน คูคต - การเคหะ, 3. สายสีทอง กรุงธนบุรี - คลองสาน, 4. สายสีเหลือง ลาดพร้าว - สำโรง, 5. สายสีชมพู ศูนย์ราชการนนทบุรี - มีนบุรี, 6. สายสีน้ำเงิน ท่าพระ - เตาปูน - หลักสอง, 7. สายสีม่วง คลองบางไผ่ - เตาปูน, 8. สายสีแดงเข้ม สถานีกลางกรุงเทพฯ - รังสิต , 9. สายสีแดงอ่อน สถานีกลางกรุงเทพฯ - ตลิ่งชัน, 10. แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ พญาไท - สนามบินสุวรรณภูมิ
บัตรโดยสารที่รองรับแบ่งตามผู้ให้บริการหลักดังนี้ :
- บัตร Rabbit Card : ใช้ได้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว, สายสีทอง, สายสีเหลือง, สายสีชมพู
- บัตร EMV Contactless (Visa, Mastercard, UnionPay) : ใช้ได้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีเหลือง, สายสีชมพู, สายสีแดง, แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL)
- บัตร Mangmoom EMV : ใช้ได้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีเหลือง, สายสีชมพู, สายสีแดง
- บัตร MRT EMV : ใช้ได้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีเหลือง, สายสีชมพู
ข้อควรรู้:
- สำหรับบัตร Rabbit Card จะต้องเป็นประเภท Account-Based Ticketing (ABT) ที่มีการผูกบัตรเข้ากับบัญชี Rabbit Wallet หรือ Line Pay แล้ว
- บัตร MRT Plus ไม่สามารถใช้สิทธิในโครงการนี้ได้
เงื่อนไขสำคัญที่ต้องรู้ก่อนเดินทาง
การเดินทางข้ามสายรถไฟฟ้าที่อยู่ในเครือข่าย 20 บาท จะยังคงได้รับสิทธิดังกล่าวโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หากมีการเปลี่ยนสายระหว่างสถานีภายใน 30 นาที จะยังคงใช้สิทธิ 20 บาทได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับการเดินทางข้ามระบบจากผู้ให้บริการคนละราย (เช่น จาก BTS ไป MRT) ผู้โดยสารอาจต้องพกบัตรโดยสารสองใบ แต่ค่าโดยสารรวมที่เรียกเก็บจะยังคงไม่เกิน 20 บาท
สำหรับผู้สูงอายุและเด็ก จากข้อมูลล่าสุดยังไม่มีการระบุส่วนลดเพิ่มเติม และผู้สูงอายุจะชำระค่าโดยสารในอัตราเดียวกับบุคคลทั่วไป
ประโยชน์ที่คาดหวัง: มากกว่าแค่ลดค่าโดยสาร
จากผลการทดสอบใช้งานฟรีในสายสีแดงและสีม่วงพบว่าสามารถเพิ่มจำนวนผู้โดยสารได้ถึง 39% ซึ่งกระทรวงคมนาคมคาดการณ์ว่าเมื่อใช้งานจริงจะสามารถสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 10,049.73 ล้านบาทต่อปี ซึ่งครอบคลุมทั้งการประหยัดค่าใช้จ่ายเดินทาง, การลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ, และการลดปัญหามลพิษในเมือง
แนวโน้มในอนาคต: ก้าวสู่ระบบไร้บัตร
ในระยะต่อไป ภาครัฐมีแผนที่จะพัฒนาระบบการชำระค่าโดยสารผ่านการสแกน QR Code บนสมาร์ทโฟน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารและอาจไม่ต้องพกบัตรโดยสารอีกต่อไป
การเปิดให้ลงทะเบียนโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่คนไทยทุกคนจะสามารถเตรียมตัวเพื่อรับสิทธิพิเศษนี้ได้