โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

จัดอันดับ 10 ประเทศสะอาดที่สุดโลก ประจำปี 2025 ไอซ์แลนด์ครองแชมป์

SpringNews

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หลายคนอาจจะคิดว่าประเทศที่สะอาดคือประเทศที่ไม่มีขยะเกลื่อนกลาด แต่จริงๆ แล้วมันมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น ล่าสุด มีผลการจัดอันดับประเทศที่สะอาดที่สุดในโลกปี 2025 ออกมาแล้ว ซึ่งไม่ได้ดูแค่เรื่องขยะอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเรื่องคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมโดยรวมด้วย

คิดคะแนนจาก 4 ปัจจัยหลัก

Ultimate Kilimanjaro ได้ออกแบบคะแนนรวม "Clean Score" โดยประเมินจากข้อมูลปี 2024 ในสี่ด้านหลัก ได้แก่ คุณภาพอากาศ น้ำ สุขาภิบาล (รวมสุขอนามัย) และการจัดการขยะ โดยมีรายละเอียดดังนี้

คุณภาพอากาศ ใช้ข้อมูลจาก รายงานคุณภาพอากาศโลก (World Air Quality Report) ประจำปี 2024 ของ IQAir ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากสถานีตรวจคุณภาพอากาศกว่า 40,000 แห่ง ใน 8,954 สถานที่ใน 138 ประเทศทั่วโล

น้ำ สุขาภิบาล และสุขอนามัย อ้างอิงจากฐานข้อมูลของ โครงการติดตามร่วมของ WHO/UNICEF (Joint Monitoring Programme) ซึ่งรายงานการเข้าถึงน้ำสะอาด สุขาภิบาล และการดูแลสุขอนามัยในปี 2024

การจัดการขยะ ใช้ตัวชี้วัดจาก ดัชนีประสิทธิภาพสิ่งแวดล้อม (Environmental Performance Index - EPI) ของเยลล์ ในปี 2024 ที่ครอบคลุมการกำจัดขยะอย่างควบคุม (controlled disposal) และอัตราการนำกลับมาใช้ (recovery)

Credit Reuters

วิธีการประมวลผล

  • ปรับมาตรฐานข้อมูล (Normalization) – แปลงค่าของแต่ละประเทศในแต่ละตัวชี้วัดให้อยู่ในช่วง 0–100
  • การให้ความสำคัญของแต่ละด้าน (Weighting) – กำหนดน้ำหนัก: คุณภาพอากาศ 30%, น้ำ 25%, ขยะ 25%, สุขอนามัย 20%
  • คำนวณคะแนนรวม (Composite Score) – ยิ่งได้คะแนนรวมต่ำ ยิ่งแสดงถึงสภาพแวดล้อมที่สะอาดกว่า
  • ประเทศที่มี “Clean Score” ต่ำสุด คือกลุ่มที่อยู่ในตำแหน่งประเทศที่สะอาดที่สุดในโลก

ประเทศที่สะอาดที่สุดในโลก ปี 2025

  • อันดับ 1: ไอซ์แลนด์

อากาศ: 4

น้ำ: 3

ขยะ: 5

สุขอนามัย: 2

คะแนนรวมความสะอาด: 3.6

ไอซ์แลนด์ตั้งอยู่บนสันกลางแอตแลนติก จึงใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งให้ความอบอุ่นบ้านเรือนและละลายหิมะบนถนน ลมทะเลแอตแลนติกช่วยให้อากาศสะอาด น้ำประปามาจากแหล่งภูเขาไฟธรรมชาติที่สะอาดและไม่ต้องผ่านการบำบัดด้วยสารเคมี

ระบบจัดการขยะของประเทศมีคุณภาพสูง ขยะส่วนใหญ่ถูกเปลี่ยนเป็นพลังงาน ขณะที่จุดรีไซเคิลรองรับตั้งแต่ตาข่ายประมงถึงยางรถยนต์ โดยใช้พลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ ระบบท่อระบายน้ำครอบคลุมทั่วชนบท ช่วยรักษาลำธารให้ใสสะอาด เหมาะสำหรับปลาแซลมอนตามธรรมชาติ

  • อันดับ 2: สวิตเซอร์แลนด์

อากาศ: 5

น้ำ: 3

ขยะ: 5

สุขอนามัย: 2

คะแนนรวมความสะอาด: 3.9

หุบเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์เลือกใช้รถไฟไฟฟ้าแทนรถบรรทุก เพื่อขนส่งสินค้าสู่ใจกลางผ่านอุโมงค์ฐานที่สร้างไว้ ค่าไฟฟ้าส่วนหนึ่งมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด ในขณะเดียวกัน ทะเลสาบของประเทศกลายเป็นแหล่งน้ำดื่มใสสะอาด ผ่านการกรองด้วยรังสียูวี กระเป๋าขยะ “จ่ายเท่าทิ้งเท่านั้น” (pay‑as‑you‑throw) ทำให้ประชาชนแยกขยะอย่างเป็นระบบ รีไซเคิลแก้ว กระดาษ และโลหะ

โรงเผาขยะดักจับก๊าซเสียแล้วส่งไอน้ำต่อไปยังโรงงานช็อกโกแลต ระบบบำบัดน้ำเสียมีขั้นตอนเพิ่มเพื่อกำจัดสารยาปฏิชีวนะก่อนปล่อยทิ้ง และกระท่อมบนภูเขาทุกหลังต้องนำขยะทั้งหมดกลับลงมาด้วย ช่วยปกป้องต้นน้ำและหิมะบนยอด เขายงามที่แม้แต่จุดพักริมทางหลวงยังสะอาด ไม่มีเศษขยะ เผยให้เห็นความภาคภูมิใจของคนในชาติ

  • อันดับ 3: นิวซีแลนด์

อากาศ: 5

น้ำ: 4

ขยะ: 6

สุขอนามัย: 3

คะแนนรวมความสะอาด: 4.6

นิวซีแลนด์เป็นดินแดนที่โอบล้อมด้วยลมแปซิฟิกบริสุทธิ์ ที่พัดพาควันและมลพิษทั้งหมดออกไปให้ไกลจากชายฝั่ง ที่นี่พลังงานหลักมาจากเขื่อนน้ำและพลังงานความร้อนใต้พิภพ ทำให้ปล่องไฟแทบไม่ต้องสูบบุหรี่เลย ฝูงวัวนมเล็มหญ้าอย่างมีมาตรฐานจำกัดสารอาหาร

เพื่อรักษาคุณภาพน้ำในแม่น้ำที่นักตกปลาชื่นชอบ เทศบาลจัดถังขยะแยกประเภทอย่างเป็นระบบ ทั้งขวดแก้ว กระดาษ และเศษอาหาร เพื่อโลกที่สะอาด National Parks เข้มงวดห้ามใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง ทำให้เส้นทางเดินป่าเป็นที่สงบและสะอาดสำหรับนักเดินทาง

ระบบบำบัดน้ำเสียถูกตรวจสอบและปิดผนึกอย่างดี เพื่อปกป้องน้ำบาดาลในชุมชนชนบท ผลลัพธ์ที่ได้คือการท่องเที่ยวที่คุณสามารถสัมผัสได้ด้วยปอดที่เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ และดื่มน้ำใสสะอาดจากธรรมชาติ

  • อันดับ 4 (ร่วม) : ฟินแลนด์

อากาศ: 6

น้ำ: 4

ขยะ: 6

สุขอนามัย: 3

คะแนนรวมความสะอาด: 4.9

ป่าบอเรียลของฟินแลนด์ปกคลุมพื้นที่ถึงสามในสี่ของประเทศ ช่วยดูดซับฝุ่นละอองละเอียดอย่างมีประสิทธิภาพ โรงไฟฟ้ารวมความร้อนและพลังงานเผาชีวมวลด้วยระบบกรองที่เข้มงวด น้ำในทะเลสาบผ่านกระบวนการกรองด้วยทรายง่ายๆ จนได้คุณภาพน้ำดื่มตรงถึงก๊อกบ้าน

ชุมชนท้องถิ่นรับแบตเตอรี่ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ และยางรถยนต์อย่างฟรีๆ เพื่อให้เกิดการจัดการขยะอย่างยั่งยืน บ้านพักตากอากาศต้องติดตั้งห้องน้ำแบบแห้งปิดมิดชิด หรือเชื่อมต่อกับระบบบำบัดน้ำเสียเต็มรูปแบบ เพื่อลดสารอาหารรั่วไหลลงสู่ธรรมชาติ กฎสำหรับผู้ผลิตยังบังคับให้บริษัทต่างๆ ต้องร่วมรับผิดชอบในจัดเก็บบรรจุภัณฑ์อีกด้วย เด็กๆ เรียนรู้การทำปุ๋ยหมักตั้งแต่ประถม และร่วมกันจับผิดขยะตามสนามเด็กเล่น สร้างสังคมสะอาดน่าอยู่ตั้งแต่ต้น

  • อันดับ 4 (ร่วม) : เดนมาร์ก

อากาศ: 6

น้ำ: 4

ขยะ: 6

สุขอนามัย: 3

คะแนนรวมความสะอาด: 4.9

กังหันลมตั้งอยู่รอบทะเลเหนือ ช่วยผลิตไฟฟ้ามากกว่าครึ่งหนึ่งของเดนมาร์ก ในโคเปนเฮเกน น้ำเสียทุกหยดถูกทำความสะอาดอย่างดี และกากตะกอนถูกแปลงเป็นก๊าซชีวภาพ ใช้ขับรถบัสในเมือง ขวดน้ำและบรรจุภัณฑ์กว่า 92% ถูกส่งกลับไปที่ร้านค้าเพื่อรีไซเคิล

การแยกขยะอาหารเป็นเรื่องที่ต้องทำ เพื่อเอาขยะมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน น้ำประปาผ่านการกรองด้วยทรายลึก ทำให้คนไม่ต้องซื้อขวดน้ำดื่มบ่อยๆ ในใจกลางเมืองมีทางจักรยานมากกว่าทางรถยนต์ ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ขยะส่วนใหญ่ถูกนำไปเผาเป็นพลังงาน ทำให้แทบไม่มีขยะถูกฝังในดินเลย

  • อันดับ 4 (ร่วม) : นอร์เวย์

อากาศ: 6

น้ำ: 4

ขยะ: 6

สุขอนามัย: 3

คะแนนรวมความสะอาด: 4.9

นอร์เวย์ได้รับคะแนนด้านมลพิษทางอากาศ (Air Pollution) สูงถึง 90.9 จากการประเมินของ EPI ซึ่งสะท้อนว่าอากาศในประเทศมีคุณภาพดีและมลพิษต่ำอย่างมาก นอกจากนี้ ระบบน้ำสะอาดและสุขาภิบาลของนอร์เวย์ก็ถือว่ายอดเยี่ยม โดยได้คะแนนในหมวด Sanitation & Drinking Water สูงถึง 97.6 แสดงถึงมาตรฐานที่ดีเยี่ยมและตอบโจทย์ด้านสุขภาพประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ เมืองเบอร์เกนของนอร์เวย์ยังมีนวัตกรรมด้านการจัดการขยะที่น่าสนใจ โดยติดตั้งระบบท่อดูดขยะใต้ดินแบบนิวเมติก ซึ่งช่วยดูดขยะจากบ้านเรือนไปยังจุดรวบรวมกลางโดยไม่ต้องใช้รถเก็บขยะ ลดมลพิษทางอากาศ และเพิ่มอัตราการรีไซเคิลขึ้นถึง 15% อีกทั้ง นอร์เวย์ยังใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังน้ำ (hydropower) เกือบ 100% ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งยังมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด ทั้งการควบคุมมลพิษจากอุตสาหกรรม และการส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ

  • อันดับ 7: สวีเดน

อากาศ: 7

น้ำ: 4

ขยะ: 5

สุขอนามัย: 3

คะแนนรวมความสะอาด: 5.0

เมืองทางใต้อย่างมาลเมอถึงเมืองเหนืออย่างคิรูนา ใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังน้ำเป็นหลัก ทำให้อากาศสะอาดและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ นโยบายด้านยานพาหนะที่เข้มงวดบังคับใช้ตัวกรองไอเสียและส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ จึงช่วยลดหมอกควันในเขตเมืองได้อย่างเห็นผล น้ำประปาที่ไหลจากแหล่งน้ำธารน้ำแข็งธรรมชาติมีคุณภาพสูงโดยไม่ต้องใช้คลอรีน กลิ่นรสสะอาดและปลอดภัยต่อการบริโภค

ในด้านการจัดการขยะ สวีเดนแทบไม่ต้องพึ่งพาพื้นที่ฝังกลบ โดยมีขยะเพียง 1% เท่านั้นที่ถูกส่งไปฝังกลบ ที่เหลือถูกรีไซเคิลหรือนำไปใช้ผลิตพลังงานความร้อนเพื่อนำกลับมาใช้ในระบบทำความร้อนในเมือง อีกทั้งยังมีการจัดเก็บภาษีการฝังกลบขยะเพื่อนำมาสนับสนุนศูนย์รีไซเคิลซึ่งมีให้บริการฟรีแม้ในหมู่บ้านขนาดเล็ก โรงเรียนในประเทศยังมีบทบาทในการสร้างจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น มีแปลงปุ๋ยหมักให้เด็กเรียนรู้การจัดการเศษอาหาร และให้นักเรียนร่วมตรวจสอบปริมาณขยะที่โรงเรียนสร้างขึ้น นอกจากนี้ ในฤดูหนาวยังมีการรณรงค์ล้างมือในระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถราง เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคในพื้นที่ปิด ซึ่งแสดงถึงการบูรณาการระหว่างสุขาภิบาลและวัฒนธรรมด้านสุขภาพที่เข้มแข็งของสวีเดน

  • อันดับ 8: ออสเตรเลีย

อากาศ: 7

น้ำ: 5

ขยะ: 7

สุขอนามัย: 3

คะแนนรวมความสะอาด: 5.7

ออสเตรเลียมีคุณภาพอากาศและระบบสาธารณูปโภคที่โดดเด่น ประชากรส่วนใหญ่อาศัยตามชายฝั่งที่มีลมถ่ายเทดี พร้อมกฎจำกัดรถยนต์ที่ช่วยลดฝุ่น PM2.5 หนึ่งในสามของบ้านเรือนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ลดการใช้พลังงานจากแก๊ส โรงผลิตน้ำสามารถส่งน้ำสะอาดไปถึงเขตแห้งแล้งอย่างอลิซสปริงส์ได้อย่างปลอดภัย แสดงถึงโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง

ด้านการจัดการขยะ ออสเตรเลียมีระบบคืนขวดที่ทำให้อัตรารีไซเคิลเกิน 80% หลุมฝังกลบถูกควบคุมอย่างดี พร้อมระบบเผาแก๊สมีเทนผลิตพลังงาน เศษอาหารถูกรวบรวมผ่านถังขยะสีเขียวและส่งไปย่อยเป็นก๊าซชีวภาพที่ใช้กับรถโดยสาร เมืองใหญ่ยังออกแบบถนนให้ป้องกันน้ำเสียไหลลงทะเล ทำให้ชายหาดสะอาด เหมาะแก่การพักผ่อนและอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืน

  • อันดับ 9: เอสโตเนีย

อากาศ: 6

น้ำ: 5

ขยะ: 8

สุขอนามัย: 4

คะแนนรวมความสะอาด: 5.9

เอสโตเนียมีส่วนผสมผสานระหว่างทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และแนวทางบริหารจัดการที่ทันสมัย ประเทศเล็กๆ ริมอ่าวฟินแลนด์แห่งนี้มีผืนป่าสนเขียวขจีโอบล้อมเมืองต่างๆ ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมหนักในยุคโซเวียตไปสู่พลังงานสะอาด เช่น แอลเอ็นจี โรงไฟฟ้าพลังลม และการลดการใช้พีต (peat) ซึ่งช่วยลดมลพิษจากปล่องควันสีดำที่เคยปกคลุมเมืองในอดีตได้อย่างชัดเจน

การจัดเก็บภาษีถุงพลาสติกตั้งแต่ปี 2017 ทำให้ขยะตามถนนลดลงเกือบทันที และเงินทุนจากสหภาพยุโรปก็ช่วยพัฒนาระบบท่อน้ำเสียใต้เมืองทาลลินน์และโรงบำบัดน้ำที่ทันสมัยใต้ทะเล ในด้านการจัดการขยะ เอสโตเนียพึ่งพาโรงงานแปรรูปขยะเป็นพลังงานซึ่งสามารถเผาไหม้ขยะ ผลิตความร้อน และควบคุมไอเสียไม่ให้ก่อมลพิษ ชุมชนทั่วประเทศมีวัฒนธรรม “วันทำความสะอาด” เดือนละครั้ง ซึ่งโรงเรียน บริษัท และประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน

นอกจากนี้ รัฐยังมีระบบติดตามรถบรรทุกขยะด้วย GPS เพื่อป้องกันการทิ้งขยะผิดกฎหมายในป่า ส่งผลให้การทิ้งขยะในที่สาธารณะกลายเป็นเรื่องที่พบได้ยาก การควบคุมสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพนี้ผสานกับเทคโนโลยีและจิตสำนึกสาธารณะ ทำให้เอสโตเนียกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่สะอาดและยั่งยืนที่สุดในยุโรปยุคใหม่

  • อันดับ 10: สิงคโปร์

อากาศ: 8

น้ำ: 5

ขยะ: 7

สุขอนามัย: 4

คะแนนรวมความสะอาด: 6.2

สิงคโปร์มีการบริหารจัดการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะเป็นประเทศเกาะขนาดเล็ก แต่สิงคโปร์สามารถควบคุมปริมาณรถยนต์ด้วยนโยบายจำกัดการเติบโตของรถส่วนบุคคลและบังคับใช้มาตรฐานไอเสีย Euro VI อย่างเข้มงวด เพื่อลดมลพิษทางอากาศ ในด้านน้ำดื่ม ประเทศพึ่งพาทั้งระบบแยกเกลือออกจากน้ำทะเลและน้ำรีไซเคิลจากระบบ NEWater เพื่อรับมือกับภัยแล้งและปกป้องความมั่นคงด้านน้ำ ขยะจากถังที่มีฝาปิดทั่วเมืองถูกส่งเข้าสู่โรงงานแปรรูปพลังงาน 4 แห่ง ซึ่งควบคุมทั้งเขม่าฝุ่นและขี้เถ้าได้อย่างเข้มงวด

ระบบจัดการขยะในอาคารสูงของสิงคโปร์ก็มีความทันสมัย โดยใช้ท่อดูดแบบนิวเมติกช่วยลดปัญหาแมลงและหนู ขณะที่กฎหมายมัดจำบรรจุภัณฑ์จะเริ่มใช้ในปี 2025 เพื่อยกระดับอัตราการรีไซเคิลที่เคยลดลงก่อนหน้านี้ ความสะอาดของพื้นที่สาธารณะยังได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น การตรวจสอบศูนย์อาหารรายสัปดาห์เพื่อรักษาความปลอดภัยด้านอาหารและส่งเสริมการล้างมือ

ส่วนลำคลองและพื้นที่ริมถนนยังคงสะอาดปราศจากขยะด้วยระบบปรับโทษผู้ฝ่าฝืนอย่างเคร่งครัดและวัฒนธรรมการเปิดเผยพฤติกรรมในที่สาธารณะ ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความสมดุลระหว่างกฎหมายที่เด็ดขาด เทคโนโลยี และวินัยของประชาชนในการรักษาความสะอาดของเมืองอย่างยั่งยืน

ที่มา:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก SpringNews

ลางมรณะ เมื่อปลาในแม่น้ำโขงพากันหดขนาดตัวลงครึ่งหนึ่ง

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ชายที่อ่านหนังสือ 3,599 เล่ม แล้วบันทึกไว้ให้คนทั้งโลกได้อ่าน

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

วิดีโอ

วันๆ ของตำรวจ หมู่เฟิร์ส เจอนักเลงขอเงิน บอกเหตุผลจะเอาเงินไปแต่งเมีย

BRIGHTTV.CO.TH

ลืมของไม่ธรรมดา! แม่บ้านเจอโถใส่อัฐิมีพวงมาลัยคล้อง ถูกทิ้งไว้บนเครื่องบิน

มุมข่าว

“ทักษิณ” มอบ 2.6 ล้าน จัดบ้านน็อกดาวน์ ให้ผู้ได้รับผลกระทบชายแดน

สำนักข่าวไทย Online

ปลุกตำนานยุค 90s แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดตัวชุดที่สาม 2025/26

THE STANDARD

เปิดภาพเส้นทางมรสุมเข้าไทย เตือนพื้นที่เสี่ยงต้องระวัง

มุมข่าว

“วัชระ” ค้าน "จตุพร" ส่งสินค้าผ่านลาวไปเขมร ชี้ถามทหาร-คนไทยยังจะรักษาตลาดหรือรักษาชาติ

Manager Online

ไทรงามยักษ์ จุดเช็กอินอันซีนโคราช

สำนักข่าวไทย Online

พิษศก.ทำยอดขายพวงมาลัยดอกมะลิเมืองปราจีนฯซบ ลูกค้าหันซื้อเค้กสุขภาพให้แม่แทนใจ

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...